แชร์

Warehouse Kaizen: แค่จัดใหม่ให้ถูกจุด ก็ลดเวลาเดินในคลังได้ถึง 30%

133182.jpg พี่ปี
อัพเดทล่าสุด: 3 พ.ค. 2025
615 ผู้เข้าชม

Warehouse Kaizen: แค่จัดใหม่ให้ถูกจุด ก็ลดเวลาเดินในคลังได้ถึง 30%

ลองมารู้จักแนวคิด Kaizen (ไคเซ็น) จากญี่ปุ่น ที่ช่วยให้คลังของคุณ ทำงานง่ายขึ้น เร็วขึ้น และแม่นยำขึ้น
Kaizen แปลว่า การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนใหญ่หรือเปลี่ยนระบบทั้งหมดแค่เริ่มจากจุดเล็กๆ ที่เห็นทุกวัน ก็สร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้

กรณีศึกษา: ลดเวลาเดินหยิบของได้ 30% ด้วย ABC Analysis + ปรับ Layout
คลังสินค้าแห่งหนึ่งมีปัญหาคลาสสิก:
พนักงานต้องใช้เวลามากกับการเดินหยิบของ เพราะสินค้าขายดีอยู่ไกล ทำให้
หยิบของ 1 รอบ = ใช้เวลาเดินเฉลี่ย 20 นาที
10 รอบ/วัน = 200 นาที หรือ 3 ชั่วโมง 20 นาที/วัน

แนวทางการปรับปรุงด้วย Kaizen:
1.ทำ ABC Analysis
จำแนกสินค้าเป็นกลุ่ม A, B, C
กลุ่ม A (20% ของ SKU แต่ 80% ของยอดขาย)
ถูกย้ายมาไว้ใกล้จุดหยิบ
2.ปรับผังทางเดินให้ลื่นไหล
หลีกเลี่ยงการเดินย้อนกลับ
จัดทางเดินเป็นเส้นตรง หรือ Loop ทางเดียว
3.ติดป้ายให้เห็นชัดเจน
ใช้ป้ายสี, หมายเลข, QR Code เพื่อลดการสับสน
ผลลัพธ์ที่ได้:
เวลาเดินต่อรอบลดเหลือ 14 นาที
10 รอบ/วัน = 140 นาที
ลดลง 60 นาทีต่อวัน = ลดได้ 30%

ประโยชน์ที่ได้รับทันที:
พนักงานเหนื่อยน้อยลง
หยิบของเร็วขึ้น
ลดโอกาสผิดพลาด
เพิ่มรอบการจ่ายสินค้าได้มากขึ้น

สรุป:
Kaizen ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่ต้องใช้งบก้อนโต
แค่ปรับให้ ถูกจุด ก็เห็นผลทันตา
เริ่มจากวันนี้ คุณก็ทำได้!
เผื่อน้องๆตามไม่ทันครับ
คำนวณเปอร์เซ็นต์ที่ลดลง:
(เวลาที่ลดลง ÷ เวลาตั้งต้นก่อนปรับปรุง) × 100
= (60 ÷ 200) × 100
= 30%
ดังนั้น ตัวเลข ลดลง 30% มาจากการเปรียบเทียบ เวลาที่ลดลง 60 นาที กับ เวลาตั้งต้น 200 นาที

 

 

บทความจาก FB Warehouse No.1 https://www.facebook.com/profile.php?id=100063860446372

รูปภาพจาก Chat GPT

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
ถอดรหัส Storytelling จากภาพยนตร์ดัง: 3 บทเรียนที่นักการตลาดนำไปใช้ได้
ทำไมเราถึงยอมจ่ายเงินเพื่อดูหนังนานกว่าสองชั่วโมง ทั้งที่เรารู้ว่ามันเป็นเรื่องแต่ง? คำตอบคือ "พลังของการเล่าเรื่อง" (Storytelling) ภาพยนตร์ Blockbuster ทั่วโลกไม่ได้ขายแค่ภาพสวย ๆ หรือนักแสดงดัง แต่พวกเขาสร้าง 'ความรู้สึกร่วม' และ 'ความทรงจำ' ที่ฝังลึก นักการตลาดในปัจจุบันก็เผชิญความท้าทายเดียวกัน คือการทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำและเป็นที่รักท่ามกลางเสียงโฆษณาที่ดังระงม หากคุณต้องการเปลี่ยนจากการ "ขายสินค้า" เป็นการ "ขายเรื่องราว" ที่ดึงดูดใจจนลูกค้าอยากติดตาม นี่คือ 3 บทเรียนการเล่าเรื่องจากโลกภาพยนตร์ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้กับการตลาดของคุณได้ทันที
Gemini_Generated_Image_bjhh8wbjhh8wbjhh.png ใบบัว ( นักศึกษาฝึกงาน )
13 ต.ค. 2025
หัวข้อ blog เรื่องเล่าของแบรนด์เริ่มต้นจาก 'ทำไม': ค้นหา Brand Purpose ของคุณ
ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงและผลิตภัณฑ์แทบจะเหมือนกันไปหมด สิ่งเดียวที่จะทำให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นและครองใจลูกค้าได้อย่างยั่งยืนไม่ใช่แค่ "สิ่งที่ขาย" (What) หรือ "วิธีการขาย" (How) แต่มันคือ 'ทำไม' (Why) ที่อยู่เบื้องหลังการมีอยู่ของแบรนด์ต่างหาก คำว่า "Brand Purpose" หรือ เจตจำนงของแบรนด์ ไม่ใช่แค่สโลแกนสวยหรู แต่คือเข็มทิศที่กำหนดทิศทางของธุรกิจ และเป็นสะพานเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค หากคุณกำลังสร้างแบรนด์หรือรู้สึกว่าแบรนด์ของคุณขาด 'แก่น' ที่มั่นคง นี่คือเวลาที่คุณต้องย้อนกลับไปค้นหา 'ทำไม' ที่แท้จริง
Gemini_Generated_Image_bjhh8wbjhh8wbjhh.png ใบบัว ( นักศึกษาฝึกงาน )
13 ต.ค. 2025
The Web of Latent Connections: 'ใย' AI ที่มองเห็นความสัมพันธ์ที่มนุษย์มองไม่เห็น
เราอาจจะรู้แล้วว่าลูกค้าที่ซื้อ "แชมพู" มักจะซื้อ "ครีมนวด" คู่กัน... แต่จะดีแค่ไหนถ้า AI สามารถบอกคุณได้ว่า "ลูกค้าในจังหวัดนนทบุรีที่ซื้อแชมพูสูตร A ในวันจันทร์ มีแนวโน้มสูงมากที่จะกลับมาซื้อ 'อาหารเสริม' ในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า"?
โก้(นักศึกษาฝึกงาน)
13 ต.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ