ทำไมเรือขนส่งสินค้าต้องวิ่งช้า? เบื้องหลังกลยุทธ์ Slow Steaming ที่ช่วยโลกและลดต้นทุน

ถ้าใครเคยติดตามข่าวโลจิสติกส์โลก หรือเห็นภาพเรือขนส่งสินค้าขนาดยักษ์ที่บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เต็มลำ คุณอาจไม่รู้ว่า... เรือพวกนี้จงใจวิ่งช้าลง ไม่ใช่เพราะเครื่องยนต์เก่า หรือกัปตันขี้เกียจ แต่เพราะมันคือ กลยุทธ์ระดับโลก ที่ชื่อว่า Slow Steaming
จุดเริ่มต้นของการ แล่นช้า
ในอดีต เรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมักแล่นด้วยความเร็วเฉลี่ย 2426 น็อต (ประมาณ 4548 กม./ชม.) เพื่อให้สินค้าถึงเร็วที่สุด แต่หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2008 บริษัทเดินเรือยักษ์ใหญ่อย่าง Maersk เริ่มพบปัญหาสำคัญ ราคาน้ำมันพุ่งสูงจนต้นทุนการเดินเรือพุ่งตาม
แทนที่จะเพิ่มค่าขนส่ง (ซึ่งลูกค้าไม่ชอบแน่ ๆ) พวกเขาเลือกวิธีง่ายกว่านั้น: ลดความเร็วเหลือเพียง 1820 น็อต (3337 กม./ชม.)
และผลลัพธ์กลับน่าทึ่งกว่าที่คิด ค่าน้ำมันลดลงได้ถึง 3040% เลยทีเดียว
นี่แหละครับ คือจุดกำเนิดของแนวคิด Slow Steaming ที่เปลี่ยนวงการโลจิสติกส์ทางทะเลไปตลอดกาล
️
ทำไมวิ่งช้าถึงประหยัดได้มาก?
ลองนึกถึงรถยนต์ของเรา เวลาเหยียบคันเร่งมาก ๆ น้ำมันก็ยิ่งหมดเร็ว
เรือก็เช่นเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่ ขนาดเรือบรรทุกหนึ่งลำใช้เชื้อเพลิงมากกว่ารถบรรทุกถึงหลายหมื่นเท่า
ดังนั้น การลดความเร็วเพียง 10% สามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 2030%
นอกจากนั้นยังช่วย
ยืดอายุการใช้งานเครื่องยนต์
ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO)
และช่วยให้เรือสามารถ จัดตารางเดินเรือ ได้เหมาะสมขึ้นในช่วงที่มีสินค้าน้อย
Slow Steaming กับสิ่งแวดล้อม
องค์กร IMO (International Maritime Organization) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมขนส่งทางทะเลปล่อย CO กว่า 3% ของปริมาณโลกทั้งหมด
ดังนั้นการที่เรือวิ่งช้าลงจึงไม่ได้ช่วยแค่บริษัทประหยัด แต่ยัง ลดโลกร้อนได้จริง
หลายประเทศเริ่มออกกฎหมายจำกัดการปล่อยควันจากเรือ เช่น เขต Emission Control Area (ECA) ในยุโรปและอเมริกาเหนือ ที่บังคับให้เรือใช้เชื้อเพลิงกำมะถันต่ำและควบคุมความเร็วระหว่างแล่น
️
แล้วลูกค้ารอของนานขึ้นไหม?
คำตอบคือ ใช่ แต่ไม่มากเท่าที่คิด
การลดความเร็วลงเฉลี่ย 20% ทำให้เวลาขนส่งเพิ่มขึ้นราว 13 วันในเส้นทางเอเชียยุโรป ซึ่งสำหรับสินค้าที่ไม่ได้เร่งด่วน เช่น ของใช้ทั่วไป หรือวัตถุดิบอุตสาหกรรม ถือว่ายอมรับได้
และบริษัทเดินเรือหลายแห่งก็แก้ปัญหานี้ด้วยการ เพิ่มจำนวนเรือในเส้นทางเดิม
เพื่อให้ตารางการส่งของยังคงถี่เหมือนเดิม
Slow Steaming ในยุคใหม่
ทุกวันนี้ แนวคิดนี้พัฒนาไปอีกขั้นเป็น Super Slow Steaming
โดยเรือบางลำวิ่งช้าเพียง 15 น็อต เพื่อให้ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่ง หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย
และเมื่อเทคโนโลยีใหม่อย่าง AI และระบบวิเคราะห์เส้นทางอัจฉริยะ เข้ามาช่วย
กัปตันเรือสามารถคำนวณเส้นทางที่ประหยัดพลังงานที่สุดตามลม กระแสน้ำ และสภาพอากาศได้แบบเรียลไทม์
เรียกได้ว่า แล่นช้า แต่ฉลาด
สรุป
Slow Steaming ไม่ได้หมายถึงการ ช้าเพราะขี้เกียจ
แต่มันคือ ความช้าอย่างมีกลยุทธ์ ที่ช่วยโลก ประหยัดต้นทุน และทำให้ธุรกิจเดินเรือยั่งยืนขึ้นในระยะยาว
ดังนั้น ครั้งหน้าถ้าได้ยินว่า เรือสินค้าลำนี้เดินทางช้า
อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นเรื่องแย่ เพราะเบื้องหลังนั้น อาจคือการตัดสินใจที่ช่วยทั้งโลกและกระเป๋าเงินของทุกคน
เหมาคัน


BANKKUNG
