บริการขนส่งแบบ Express vs. Economy เลือกแบบไหนดี?
เวลาจะส่งของทีหนึ่ง หลายคนคงเคยสับสนระหว่าง ส่งด่วน (Express) กับ ส่งประหยัด (Economy) ว่าแบบไหนคุ้มกว่า แบบไหนเหมาะกับสินค้า และควรเลือกยังไงให้ตอบโจทย์ทั้งธุรกิจและลูกค้า
ความจริงแล้ว ทั้งสองแบบไม่ได้มีใคร ดีกว่า กัน แต่ขึ้นอยู่กับ สถานการณ์และความต้องการ ของผู้ส่งและผู้รับ วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังแบบง่ายๆ ว่าแต่ละแบบคืออะไร และควรใช้ตอนไหน
Express ส่งด่วนทันใจ
บริการ Express ก็คือการส่งที่เน้น ความเร็ว เป็นหลัก ส่วนใหญ่จะถึงปลายทางภายใน 12 วัน (บางเจ้าในเมืองใหญ่ อาจถึงวันเดียวด้วยซ้ำ)
เหมาะกับ:
สินค้าที่มีมูลค่าสูง ลูกค้าต้องการเร็ว เช่น โทรศัพท์ เครื่องใช้ไฟฟ้า
สินค้าที่ต้องใช้เร่งด่วน เช่น เอกสารสำคัญ อะไหล่เครื่องจักร
ลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับเวลาเป็นอันดับแรก
ข้อดี:
ลูกค้าได้ของไว สร้างความประทับใจ
ลดความเสี่ยงจากสินค้าสูญหายระหว่างทาง เพราะอยู่ในระบบไม่นาน
เหมาะกับการแข่งขันด้านบริการ (ลูกค้าออนไลน์ชอบมาก)
ข้อจำกัด:
ราคาสูงกว่า Economy อย่างชัดเจน
ถ้าสินค้าไม่ได้เร่งด่วน อาจไม่คุ้มค่า
Economy ส่งประหยัด เน้นคุ้มค่า
บริการ Economy คือการส่งที่ราคาถูกกว่า แต่ใช้เวลานานกว่า Express อาจ 25 วันขึ้นอยู่กับระยะทาง
เหมาะกับ:
สินค้าที่ไม่เร่งรีบ เช่น เสื้อผ้า ของใช้ ของตกแต่งบ้าน
การส่งจำนวนมาก แต่ไม่จำเป็นต้องถึงภายในวันเดียว
ลูกค้าที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
ข้อดี:
ราคาย่อมเยา เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการควบคุมต้นทุน
เหมาะกับสินค้าขนาดใหญ่ที่ไม่ได้รีบ เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่
ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงเสมอไป
ข้อจำกัด:
ใช้เวลานานกว่า ลูกค้าอาจต้องรอนาน
ถ้าเป็นสินค้าที่เสียหายง่ายหรือเน่าเสียง่าย ไม่เหมาะกับ Economy
แล้วควรเลือกแบบไหนดี?
ดูจากความต้องการของลูกค้า
ถ้าลูกค้าต้องการด่วน Express
ถ้าไม่รีบ Economy
ดูจากมูลค่าสินค้า
สินค้าที่มีราคาสูงหรือเปราะบาง มักเลือก Express เพราะเสี่ยงน้อยกว่า
ดูจากต้นทุนที่ธุรกิจรับได้
ธุรกิจเล็กบางครั้งเลือก Economy เพื่อลดต้นทุน แต่ควรแจ้งลูกค้าชัดเจนเรื่องเวลาจัดส่ง
ตัวอย่างการเลือกใช้งาน
ร้านค้าออนไลน์ขายเสื้อผ้า ใช้ Economy เป็นหลัก แต่เสนอ Express เป็นตัวเลือกสำหรับลูกค้าที่อยากได้ไว
บริษัทผลิตอะไหล่เครื่องจักร ใช้ Express เพราะความล่าช้าหมายถึงความเสียหายในการผลิต
ร้านขายของแต่งบ้าน Economy ก็ตอบโจทย์ เพราะสินค้าส่วนใหญ่ไม่เร่งด่วน
สรุป
Express และ Economy ไม่ได้มีใครดีกว่าใคร แต่ทั้งสองแบบคือ ตัวเลือกที่ช่วยให้ธุรกิจตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลาย
Express: เร็ว ปลอดภัย แต่ต้นทุนสูง
Economy: ประหยัด คุ้มค่า แต่ใช้เวลานาน
ธุรกิจที่ฉลาดจะไม่เลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เสนอ ทั้งสองแบบให้ลูกค้าเลือกเอง เพราะสุดท้ายแล้ว ลูกค้าต่างกัน ความต้องการก็ต่างกัน การมีทางเลือกมากกว่าคือการสร้างความพึงพอใจ และเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น