นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ : อิทธิพลและผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเมืองโลก
อัพเดทล่าสุด: 7 เม.ย. 2025
54 ผู้เข้าชม
1. นโยบายเศรษฐกิจ: ลดภาษี-กีดกันการค้า
ทรัมป์เริ่มต้นวาระด้วยการผลักดัน การลดภาษีครั้งใหญ่ ผ่านกฎหมาย Tax Cuts and Jobs Act ในปี 2017 โดยลดอัตราภาษีนิติบุคคลจาก 35% เหลือ 21% และลดภาษีให้กับบุคคลธรรมดาในหลายระดับ เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน
ในด้านการค้าระหว่างประเทศ ทรัมป์ใช้นโยบาย การกีดกันทางการค้า (Protectionism) โดยกำหนด ภาษีนำเข้าสูง กับสินค้าจากจีน เม็กซิโก สหภาพยุโรป และประเทศอื่น ๆ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ โดยเฉพาะเหล็ก อะลูมิเนียม และยานยนต์ ส่งผลให้เกิด สงครามการค้า โดยเฉพาะกับจีน ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนในตลาดการเงินและโลจิสติกส์โลก
2. นโยบายการย้ายถิ่นฐาน: เข้มงวดและปิดกั้น
ทรัมป์ใช้แนวทาง ต่อต้านการเข้าเมืองอย่างเข้มงวด ผ่านการสร้างกำแพงชายแดนกับเม็กซิโก และออกคำสั่งห้ามพลเมืองจากบางประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐฯ (Muslim Ban) ซึ่งก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่สิทธิมนุษยชนและผลกระทบต่อแรงงานต่างชาติในสหรัฐฯ โดยเฉพาะแรงงานไร้ทักษะ
3. นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม: ถอยห่างจากข้อตกลงระหว่างประเทศ
ทรัมป์ประกาศ ถอนตัวจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement) โดยให้เหตุผลว่าเป็นภาระต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมในประเทศ เช่น ถ่านหินและพลังงานฟอสซิล ซึ่งขัดแย้งกับทิศทางของประชาคมโลกที่ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดและการลดคาร์บอน
4. นโยบายต่างประเทศ: สหรัฐฯ ก่อนพันธมิตร
ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์องค์การระหว่างประเทศอย่าง นาโต (NATO) และ องค์การการค้าโลก (WTO) ว่าเอาเปรียบสหรัฐฯ และผลักดันให้นานาชาติ จ่ายส่วนแบ่ง ที่เป็นธรรมมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเน้นการเจรจาทวิภาคี (bilateral) แทนการเข้าร่วมในความตกลงพหุภาคี เช่น การถอนตัวจากความตกลง TPP (Trans-Pacific Partnership)
ในทางหนึ่ง นโยบายของเขาทำให้พันธมิตรดั้งเดิมของสหรัฐฯ รู้สึกไม่มั่นคงและเริ่มพึ่งพาตนเองมากขึ้น อีกด้านหนึ่ง ทรัมป์พยายามเปิดการเจรจากับคู่แข่งเช่น เกาหลีเหนือ แม้จะไม่บรรลุผลถาวร แต่ก็เป็นการเปลี่ยนวิธีคิดในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ
5. ผลกระทบโดยรวม
นโยบายของทรัมป์ก่อให้เกิดผลกระทบหลายประการ:
สรุป
นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ถือเป็นจุดเปลี่ยนของทิศทางการเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะในแง่ผลกระทบที่เป็นรูปธรรม หรือลักษณะวิธีการที่ "สวนทางกับระบบเดิม" ทรัมป์ได้แสดงให้เห็นว่า การเมืองสามารถใช้แนวคิดชาตินิยมและธุรกิจมาเป็นเครื่องมือในการบริหารประเทศได้ ทว่าคำถามที่ยังคงค้างอยู่คือ สหรัฐฯ และโลกพร้อมสำหรับ "แนวทางทรัมป์" หรือไม่ในระยะยาว
ทรัมป์เริ่มต้นวาระด้วยการผลักดัน การลดภาษีครั้งใหญ่ ผ่านกฎหมาย Tax Cuts and Jobs Act ในปี 2017 โดยลดอัตราภาษีนิติบุคคลจาก 35% เหลือ 21% และลดภาษีให้กับบุคคลธรรมดาในหลายระดับ เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน
ในด้านการค้าระหว่างประเทศ ทรัมป์ใช้นโยบาย การกีดกันทางการค้า (Protectionism) โดยกำหนด ภาษีนำเข้าสูง กับสินค้าจากจีน เม็กซิโก สหภาพยุโรป และประเทศอื่น ๆ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ โดยเฉพาะเหล็ก อะลูมิเนียม และยานยนต์ ส่งผลให้เกิด สงครามการค้า โดยเฉพาะกับจีน ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนในตลาดการเงินและโลจิสติกส์โลก
2. นโยบายการย้ายถิ่นฐาน: เข้มงวดและปิดกั้น
ทรัมป์ใช้แนวทาง ต่อต้านการเข้าเมืองอย่างเข้มงวด ผ่านการสร้างกำแพงชายแดนกับเม็กซิโก และออกคำสั่งห้ามพลเมืองจากบางประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐฯ (Muslim Ban) ซึ่งก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่สิทธิมนุษยชนและผลกระทบต่อแรงงานต่างชาติในสหรัฐฯ โดยเฉพาะแรงงานไร้ทักษะ
3. นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม: ถอยห่างจากข้อตกลงระหว่างประเทศ
ทรัมป์ประกาศ ถอนตัวจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement) โดยให้เหตุผลว่าเป็นภาระต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมในประเทศ เช่น ถ่านหินและพลังงานฟอสซิล ซึ่งขัดแย้งกับทิศทางของประชาคมโลกที่ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดและการลดคาร์บอน
4. นโยบายต่างประเทศ: สหรัฐฯ ก่อนพันธมิตร
ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์องค์การระหว่างประเทศอย่าง นาโต (NATO) และ องค์การการค้าโลก (WTO) ว่าเอาเปรียบสหรัฐฯ และผลักดันให้นานาชาติ จ่ายส่วนแบ่ง ที่เป็นธรรมมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเน้นการเจรจาทวิภาคี (bilateral) แทนการเข้าร่วมในความตกลงพหุภาคี เช่น การถอนตัวจากความตกลง TPP (Trans-Pacific Partnership)
ในทางหนึ่ง นโยบายของเขาทำให้พันธมิตรดั้งเดิมของสหรัฐฯ รู้สึกไม่มั่นคงและเริ่มพึ่งพาตนเองมากขึ้น อีกด้านหนึ่ง ทรัมป์พยายามเปิดการเจรจากับคู่แข่งเช่น เกาหลีเหนือ แม้จะไม่บรรลุผลถาวร แต่ก็เป็นการเปลี่ยนวิธีคิดในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ
5. ผลกระทบโดยรวม
นโยบายของทรัมป์ก่อให้เกิดผลกระทบหลายประการ:
- เศรษฐกิจในประเทศเติบโตในระยะสั้น จากการลดภาษี แต่ หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น
- ความตึงเครียดทางการค้ากับหลายประเทศ ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก
- ความแตกแยกในสังคมอเมริกันรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นเชื้อชาติและการเมือง
- ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอ่อนแอลง โดยพันธมิตรดั้งเดิมเริ่มพึ่งพาตนเองและลดการพึ่งพาสหรัฐฯ
สรุป
นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ถือเป็นจุดเปลี่ยนของทิศทางการเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะในแง่ผลกระทบที่เป็นรูปธรรม หรือลักษณะวิธีการที่ "สวนทางกับระบบเดิม" ทรัมป์ได้แสดงให้เห็นว่า การเมืองสามารถใช้แนวคิดชาตินิยมและธุรกิจมาเป็นเครื่องมือในการบริหารประเทศได้ ทว่าคำถามที่ยังคงค้างอยู่คือ สหรัฐฯ และโลกพร้อมสำหรับ "แนวทางทรัมป์" หรือไม่ในระยะยาว
บทความที่เกี่ยวข้อง
ในการบริหารจัดการคลังสินค้า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรของธุรกิจคือ “ต้นทุนการจัดเก็บสินค้า” ซึ่งหากจัดการไม่ดี ต้นทุนส่วนนี้อาจกลายเป็นภาระหนักโดยไม่จำเป็น วันนี้เราจะพาคุณมาดูเทคนิคจากคลังสินค้าชั้นนำที่ใช้ได้จริง เพื่อช่วยลดต้นทุนการจัดเก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
30 เม.ย. 2025
ในยุคที่ธุรกิจต้องแข่งขันกันด้วยความรวดเร็วและประสิทธิภาพ "การจัดการคลังสินค้า" กลายเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงาน โดยเฉพาะกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและโลจิสติกส์ หากคุณยังใช้การจัดการแบบดั้งเดิม เช่น การจดบันทึกลงกระดาษ หรือไฟล์ Excel อาจถึงเวลาที่ต้องพิจารณาใช้ ระบบ WMS (Warehouse Management System) แล้ว
30 เม.ย. 2025
การจัดการคลังสินค้าเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจที่มีการจัดจำหน่ายหรือผลิตสินค้า หากคลังสินค้าถูกจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มความรวดเร็ว และลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการต่างๆ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 5 วิธีง่ายๆ แต่ได้ผลจริง ที่จะช่วยให้การบริหารคลังสินค้าของคุณเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
29 เม.ย. 2025