จ่อค่าไฟแพง ผลกระทบ
จ่อค่าไฟแพง ผลกระทบธุรกิจขนส่ง
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2568 รัฐบาลไทยได้ลงนามในสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนระยะยาว (PPA) เฟส 2 ขนาด 5,200 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการสานต่อจากเฟสแรกที่มีขนาด 3,600 เมกะวัตต์ รวมเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้น 8,800 เมกะวัตต์ . การดำเนินการดังกล่าวได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากอาจส่งผลให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะเวลา 25 ปีข้างหน้า.
สาเหตุที่ทำให้ค่าไฟแพงขึ้น
1. สัญญารับซื้อไฟฟ้าระยะยาว (PPA) ที่ไม่มีการแข่งขัน
การรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในครั้งนี้เป็นการทำสัญญาระยะยาว 25 ปี โดยไม่มีการประมูลแข่งขันราคา ทำให้ราคารับซื้อสูงกว่าที่ควรจะเป็น และเป็นราคาคงที่ตลอดอายุสัญญา แม้ในอนาคตต้นทุนการผลิตพลังงานหมุนเวียนจะลดลงก็ตาม .
2. ภาระค่าไฟฟ้าสำรองที่ล้นเกินความจำเป็น
ประเทศไทยมีการผลิตไฟฟ้าสำรองในระบบมากเกินความต้องการ ซึ่งเกิดจากการวางแผนกำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) ที่ไม่สอดคล้องกับการใช้ไฟฟ้าจริง ส่งผลให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายจากค่าไฟที่เพิ่มขึ้น
3. ระบบค่าพร้อมจ่าย (Take or Pay)
ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับเอกชน มีการกำหนดให้รัฐต้องจ่ายค่าพร้อมจ่ายหรือ "Take or Pay" ให้กับโรงไฟฟ้าเอกชน แม้จะไม่มีการผลิตไฟฟ้าเกิดขึ้นจริง ซึ่งค่าพร้อมจ่ายเหล่านี้จะถูกส่งต่อให้กับผู้บริโภคในรูปแบบของค่าไฟ
ผลกระทบต่อประชาชน การลงนามในสัญญารับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในครั้งนี้ อาจทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการประเมินว่าค่าไฟฟ้าอาจเพิ่มขึ้นปีละกว่าแสนล้านบาทในระยะเวลา 25 ปีข้างหน้า
ผลกระทบต่อธุรกิจขนส่ง การที่ค่าไฟฟ้าในประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้นจากนโยบายรับซื้อพลังงานหมุนเวียนโดยไม่ผ่านการแข่งขัน มีผลกระทบต่อ ธุรกิจขนส่ง อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในยุคที่ภาคขนส่งกำลังพยายามปรับตัวสู่การใช้ พลังงานไฟฟ้า แทนน้ำมันเพื่อควบคุมต้นทุนและลดการปล่อยคาร์บอน
1. ต้นทุนพลังงานสำหรับ EV เพิ่มขึ้น ธุรกิจขนส่งจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตเมือง เริ่มหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถบรรทุกไฟฟ้าเพื่อประหยัดต้นทุนระยะยาวและรับมือกับกฎเกณฑ์สิ่งแวดล้อม แต่เมื่อ ค่าไฟฟ้าแพงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการชาร์จแบตเตอรี่ก็เพิ่มตาม ส่งผลให้ต้นทุนรวมสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในแผนธุรกิจ
ยกตัวอย่าง: เดิมค่าวิ่งรถบรรทุก EV อยู่ที่ 1.5 บาท/กิโลเมตร แต่หากค่าไฟฟ้าขยับขึ้น 20% อาจทำให้ต้นทุนเพิ่มเป็น 1.8 บาท/กิโลเมตร ซึ่งกระทบต่อกำไรในระบบที่มีการแข่งขันสูง
2. ชะลอการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด เมื่อผลตอบแทนจากการลงทุนในระบบขนส่งไฟฟ้าลดลง เพราะต้นทุนพลังงานไม่แน่นอนหรือเพิ่มขึ้น ธุรกิจอาจ ลังเลในการลงทุน หรือชะลอการเปลี่ยนผ่านจากระบบใช้น้ำมันสู่ EV ซึ่งส่งผลกระทบต่อแผน ESG และภาพลักษณ์องค์กรในระยะยาว
3. ต้นทุนทางอ้อมเพิ่ม เช่น ค่าขนส่งของภาคอุตสาหกรรมอื่น ธุรกิจขนส่งเป็นโซ่สำคัญในห่วงโซ่อุปทาน การที่ต้นทุนขนส่งเพิ่มจากค่าไฟฟ้าหรือค่าพลังงานสูงขึ้น จะสะท้อนสู่ ราคาสินค้าและบริการ ที่ต้องอาศัยการขนส่ง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องขนส่งสินค้าทุกวัน เช่น อาหารแช่แข็ง อีคอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์ด่วน
4. เพิ่มความเหลื่อมล้ำในการแข่งขัน บริษัทขนส่งรายใหญ่ที่มีศักยภาพในการลงทุนพลังงานทางเลือก เช่น โซลาร์ฟาร์มส่วนตัว อาจสามารถบริหารต้นทุนได้ดีกว่าธุรกิจรายย่อย ซึ่งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพึ่งไฟฟ้าจากระบบรัฐ ทำให้เกิด ความเหลื่อมล้ำในการแข่งขัน
แนวทางรับมือของภาคขนส่ง
วางแผนพลังงานล่วงหน้า: หารือกับผู้ให้บริการชาร์จไฟ EV เพื่อทำสัญญาระยะยาวที่ราคาคงที่
ติดตั้งระบบโซลาร์ในศูนย์ขนส่ง: ลดการพึ่งพาไฟจากภาครัฐในช่วงกลางวัน
ใช้พลังงานแบบผสมผสาน: อาจยังคงใช้ดีเซลควบคู่กับ EV ในช่วงเปลี่ยนผ่าน
ผลักดันนโยบายจากรัฐ: เรียกร้องให้มีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่ง เช่น ลดภาษี EV หรือสนับสนุนไฟฟ้าอัตราพิเศษสำหรับขนส่ง
ข้อเสนอแนะและทางออก
1. ทบทวนสัญญารับซื้อไฟฟ้า
รัฐบาลควรทบทวนสัญญารับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ไม่มีการแข่งขันราคา และพิจารณาเปิดให้มีการประมูลแข่งขันเพื่อให้ได้ราคาที่เป็นธรรมและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง.
2. ปรับปรุงแผนกำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP)
ควรปรับปรุงแผน PDP ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้าจริง และลดการผลิตไฟฟ้าสำรองที่ล้นเกิน ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน.
3. ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในระดับครัวเรือน
รัฐบาลควรมีนโยบายสนับสนุนให้ประชาชนสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้เอง เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา และมีระบบรับซื้อไฟฟ้าที่เป็นธรรม เพื่อสร้างแรงจูงใจและลดภาระค่าไฟของประชาชน
การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว แต่ควรดำเนินการอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และไม่สร้างภาระที่เกินควรให้กับประชาชน
ที่มา greennews.agency สภาองค์กรของผู้บริโภค / GPT
ภาพปก : GPSC