แชร์

อุปกรณ์ที่ควรมีไว้ ในงานโลจิสติกส์

อัพเดทล่าสุด: 17 ก.ย. 2024
67 ผู้เข้าชม
อุปกรณ์ที่ควรมีไว้ ในงานโลจิสติกส์

     อุปกรณ์ในงานโลจิสติกส์มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากมีบทบาทในการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้า การเคลื่อนย้าย และการจัดส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้กระบวนการโลจิสติกส์ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และแม่นยำ

7 เช็กลิสต์อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ในงานโลจิสติกส์

1. สายรัดสินค้าบนพาเลท (Strapping)

     คือกระบวนการการใช้สายเหล็กหรือพลาสติกในการมัด รัด หรือพันสินค้าบนพาเลทเข้าด้วยกันไว้ด้วยกัน การใช้สายรัดพาเลททำให้คุณดูเป็นมืออาชีพ เมื่อส่งต่อถึงมือผู้รับสภาพสินค้าก็จะอยู่มัดรวมกันเป็นที่เป็นทาง ซึ่งจะนิยมเห็นบ่อยกับสินค้าส่งออก และเป็นที่นิยมใช้มาก ๆ ขอดีหลัก ๆ ก็มีด้วยกัน 3 ข้อ คือ

  • ป้องกันความเสียหายให้สินค้าของคุณ
    สายรัดพาเลทช่วยยืดอายุการใช้งานของสินค้าโดยการป้องกันสินค้าไม่ให้เสียหายจากการขนย้ายระหว่างการส่งสินค้าหรือเก็บสินค้า

  • ความปลอดภัยของพนักงาน
    การใช้สายรัดพาเลทช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงานได้ ทั้งยังช่วยรักษาความปลอดภัยของสินค้าจากพนักงานที่มีนิสัยไม่พึงประสงค์ เช่น ขโมย

  • ประหยัดพื้นที่
    การที่ใช้สายรัดสินค้าจะมีการแนบชิดเรียงติดกัน แตกต่างจากการไม่ใช่สายรัด เพราะไม่ได้มีการจัดระเบียบมีผลต่อการเปลืองเนื้อที่

 2. ตาข่ายปิดท้ายตู้คอนเทนเนอร์ (Container Net)

     ตาข่ายปิดท้ายตู้คอนเทนเนอร์ในตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมมากเพราะ สามารถใช้ซ้ำได้หลายรอบ มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินคุ้มกว่า สามารถใช้แทนถุงลมกันกระแทกได้ เมื่อเวลาเปิดตู้คอนเทนเนอร์ก็ไม่ต้องเสี่ยงสินค้าตกใส่หัว แถมยังมีราคาต้นทุนถูกกว่าอุปกรณ์กันกระแทก หรืออุปกรณ์ป้องกันแบบอื่นเกือบครึ่งอีกด้วย 

ประโยชน์ของการใช้งานตาข่ายกันของตก Safety Net

  • มีหมุดช่วยยึด ทำให้ติดตั้งได้ง่าย สะดวก และปลอดภัย

  • ตาข่ายกันของตก Safety Net สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้

  • ตาข่ายกันของตก Safety Net ทำจากวัสดุ Polypropylene เกรด A นำมาถักเป็นตาข่ายจึงมีเหนียว แข็งแรง ทนทาน


3. ตาข่ายนิรภัยหรือตาข่ายกันของตก (Safety net)

     เป็นอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยของสินค้าที่อยู่บนท้ายยานพาหนะต่าง ๆ และแตกต่างจากข้อ 2 ซึ่งสิ่งนั้นไว้ใช้สำรำหรับรถบรรทุก หรือตู้คอนเทรนเนอร์เท่านั้น ตาข่ายนิรภัยใช้กระบวนผลิตจาก High density polyethylene หรือ โพลีเอทิลีน (HDPE) เป็นระบบการถักทอแบบรัชเซลเน็ท ซึ่งจะสามารถกระจายการรับน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น

วิธีการใช้งาน
1.ป้องกันการตกจากที่สูง
2.ใช้ป้องกันเศษวัสดุสิ่งก่อสร้าง
3.ใช้ป้องกันสินค้าที่มีน้ำหนักเบาตกหล่นระหว่างการขนส่ง
4.ใช้จักระเบียบพื้นที่ระหว่างการขนส่ง

ข้อดีของการเลือกใช้ตาข่ายนิรภัยกันของตก (Safety net)
     หากเทียบความคุ้มของตาข่ายนิรภัยกับถุงลมกันกระแทก ตาข่ายนิรภัยสามารถนำมาใช้ซ้ำได้ดีกว่าถุงลม ซึ่งจุดประสงค์ในการใช้งานก็คล้ายกัน ด้วยความสามารถที่ใช้ซ้ำได้หลาย ๆ ครั้ง แถมยังต้นทุนถูกกว่า ทำให้ธุรกิจโลจิสติกส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้ตาข่ายนิรภัยแทนถุงลมกันกระแทก ประหยัดต้นทุน คุ้มค่าและได้ความดูเป็นมืออาชีพเช่นกัน


4. เสื้อเซฟตี้สะท้อนแสง (Safety Vest)

     ที่จำเป็นต้องมี เพราะบางครั้งเรากำลังเคลื่อนย้ายบางอย่าง และด้วยการแต่งกายของทีมงานสีอาจจะกลืนไปกับสิ่งของทำให้เรามีวิสัยทัศน์ที่มองไม่เห็น และยังเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกอีกว่า ทีมงานบริเวณจุดนี้กำลังทำการขนย้ายที่เสี่ยงอันตรายอยู่


5. รถลากพาเลทหรือตะเข้ (Hand Pallet Truck)

     เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า แฮนด์พาเลท คือ Hand Lift ที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้ในการขนส่งสินค้าหรือเคลื่อนย้ายสินค้าจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง โดยมีทั้งการควบคุมโดยใช้แรงคนและระบบไฟฟ้า มักจะใช้ในโกดัง, คลังสินค้า หรือโรงงาน ที่ต้องขนย้ายสินค้าหลาย ๆ ชิ้นที่มีน้ำหนักมาก

วิธีการใช้งาน
ยกพาเลท : ดันคันโยกลง แล้วทำการโยกด้ามจับจำทำให้งารถลากพาเลทจะยกขึ้น
เคลื่อนที่ : ปรับคันโยกมาตำแหน่งตรงกลาง จะเป็นตำแหน่งฟรี
พาเลทลง : ดันคันโยกหรือบีบคันโยกขึ้น จะทำให้งารถลากพาเลทลดระดับลง

วิธีการเลือกรถลากพาเลท

1. ความกว้างของรถลากพาเลท
โดยทั่วไปจะมีขนาดความกว้าง 2 ขนาด
  • ขนาด 685 mm หน้ากว้าง เป็น รุ่นมาตรฐานนิยมมากสุด ใช้กับพาเลทส่วนใหญ่
  • ขนาด 550 mm หน้าแคบ

ดังนั้น ก่อนซื้อรถลากพาเลท จึงจำเป็นต้องตรวจสอบขนาดช่องเสียบของพาเลท เพื่อให้แน่ใจว่าจะเลือกใช้รถลากพาเลทขนาความกว้างงาเท่าไรสามารถใช้งานร่วมกับพาเลทที่มีอยู่ได้

2.ล้อรถลากพาเลท
  • ล้อโพลียูรีเทน(PU) เป็นล้อสีแดง มีความนุ่ม ยืดหยุ่น เงียบขณะลาก เหมาะกับพื้นที่ฉากเรียบ
  • ล้อไนล่อน(Nylon) เป็นล้อตัวเลือก มีสีขาว แข็งแรง ทนสารเคมี ทนความชื้น เหมาะกับงานในที่ชื้น มีสารเคมีตามพื้น

เพียงแค่คุณรู้จักส่วนประกอบ 2 อย่างนี้ ในการเลือกซื้อคุณก็จะได้อุปกรณ์ที่ดูเป็นมืออาชีพได้แล้ว แถมยังอำนวยความสะดวก เพิ่มความรวดเร็วให้กับงานในคลังสินค้าของคุณได้อย่างดีอีกด้วย


6. อุปกรณ์ยกสินค้าด้านหลังรถ (Tail Lifts)

    เทลลิฟท์ เป็นลิฟท์ยกสินค้า ที่ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสินค้าทุกประเภทที่มีน้ำหนักมาก และเทลลิฟท์ถือเป็นตัวทุ่นแรงได้อย่างดีมาก คลังสินค้าที่มีขนาดใหญ่มักนิยมให้งาน ทำให้การขนสินค้าเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว สะดวกยิ่งขึ้น และมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน เบาแรง ด้วยระบบยกแบบไฮดรอลิกซ์ ที่สามารถยกสินค้าที่มีน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย มีหลากหลายรุ่นให้คุณเลือกตามความเหมาะสม

     ลิฟท์ยกสินค้า เหมาะสมกับการขนย้ายพาเลท,พาเลทสินค้า, กล่องขนาดใหญ่, ถังน้ำมัน, เครื่องซักผ้า,ตู้เย็น, ถังแก๊ส,กระสอบ, ลังไม้, ลังสินค้า,ถังลม, เฟอร์นิเจอร์


7. รถยกตู้สินค้า (Special Forklift)

     เป็นรถที่ใช้สำหรับยก และขนย้ายสิ่งของ รถยกสมัยใหม่ได้ถูกพัฒนาขึ้นในปัจจุบัน รถยกถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่ง ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และคลังสินค้าจำเป็นต้องมีอย่างมาก เพื่อเป็นการช่วยลดเวลาการทำงาน ทุ่นแรงยก และการเคลื่อนย้าย ลดการบาดเจ็บจากการยกของหนัก และลดการจ้างแรงงาน

     ลักษณะโดยทั่วไปของรถยก มีแท่งเหล็กยื่นออกมาจากโครงสร้างหลักของตัวรถเรียกว่า งา เพื่อใช้สำหรับวาง และยกสิ่งของ เพื่อทำการเคลื่อนย้าย โดยอาศัยกลไกการทำงานในรูปแบบต่าง ๆ รถยกไฟฟ้า ใช้มอเตอร์เป็นต้นกำลังขับเคลื่อน โดยได้รับกระแสไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่ รถยกไฟฟ้า สามารถแบ่งตามลักษณะโครงสร้างภายนอกได้เป็น 2 แบบ คือ

  • แบบ COUNTER BALANCED (แบบนั่งขับ)

  • แบบ REACH TRUCK (แบบยืนขับ)

     ที่กล่าวมาเป็นเพียงแค่อุปกรณ์เบื้องต้นที่คุณต้องมี ยังมีอีกมากมาย เช่น แผ่นรองกระดาษลูกฟูก นิยมใช้สำหรับวางรองสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์แบบกระป๋อง เพื่อป้องกันการเกิดสนิม จำพวก กระป๋องบรรจุอาหาร หรือกระป๋องบรรจุเครื่องดื่ม อุปกรณ์เสริมเหล่านี้ จะเพิ่มความเป็นมืออาชีพและความปลอดภัยให้กับสินค้าที่คุณต้องทำการขนย้าย ได้ความประทับใจจากลูกค้าอีกแน่นอน และถ้าคุณต้องการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการมองหาอุปกรณ์ในการทำงานประเภทโลจิสติกส์ เรามีให้พร้อมและบริการจัดส่งที่รวดเร็ว




NOON : (CC) 

ที่มาของข้อมูล : bpackmaterial.com


บทความที่เกี่ยวข้อง
การใช้คลังสินค้าหุ่นยนต์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้า
การใช้หุ่นยนต์ในคลังสินค้า (Warehouse Robotics) ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการคลังสินค้าในหลายด้าน
11 ต.ค. 2024
Flexport แพลตฟอร์มด้านโลจิสติกส์อย่างไร
Flexport เป็นแพลตฟอร์มด้านโลจิสติกส์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการจัดการการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
11 ต.ค. 2024
ทักษะที่สำคัญสำหรับคนทำงานในโลจิสติกส์
องค์กรได้ดึงเอาการจัดการโลจิสติกส์มาเป็นกลยุทธ์สำคัญ เนื่องด้วยการจัดการโลจิสติกส์ที่ดีสามารถเพิ่มคุณค่าในการให้บริการลูกค้า
10 ต.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ