คลังสินค้าที่สร้างพลังงานเองได้ จากความร้อนของเครื่องจักรและหุ่นยนต์
ในคลังสินค้าสมัยใหม่เต็มไปด้วยเครื่องจักร หุ่นยนต์ AMR/AGV และระบบอัตโนมัติที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง แต่สิ่งที่มักถูกมองข้ามคือ พลังงานความร้อน (Heat Energy) ที่ถูกปล่อยทิ้งออกมาโดยเปล่าประโยชน์
วันนี้ เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนคลังสินค้าธรรมดาให้กลายเป็น คลังพลังงาน ที่สามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้
ความร้อนที่ไม่เคยถูกใช้ประโยชน์
หุ่นยนต์ที่วิ่งทั้งวัน มอเตอร์ปล่อยความร้อน
เครื่องจักรคัดแยกที่ทำงานหนัก อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ
แม้แต่หลอดไฟ LED และระบบคอมพิวเตอร์ ก็สร้าง ความร้อนสะสม
ทั้งหมดนี้คือ พลังงานทิ้ง ที่คลังสินค้าส่วนใหญ่ไม่เคยนำกลับมาใช้
เทคโนโลยีเปลี่ยนความร้อนเป็นไฟฟ้า
นักวิจัยและบริษัทโลจิสติกส์กำลังทดลองใช้ ระบบแปลงพลังงานความร้อน (Thermoelectric Generator) ที่สามารถดูดความร้อนจากเครื่องจักรและแปลงเป็นไฟฟ้าเพื่อนำกลับมาใช้ในระบบ
ความร้อนจากเครื่องจักร ถูกเก็บสะสมไว้ในแบตเตอรี่
พลังงานนี้สามารถนำไปเลี้ยง หุ่นยนต์, ระบบไฟ, หรือแม้แต่ชาร์จรถบรรทุกไฟฟ้า ได้
บางคลังใช้ร่วมกับ โซลาร์เซลล์บนหลังคา กลายเป็นคลังที่แทบไม่ต้องซื้อไฟฟ้าจากภายนอก
ตัวอย่างจริงที่เริ่มเกิดขึ้นแล้ว
Maersk Logistics ทดลองใช้ระบบเก็บพลังงานความร้อนจากศูนย์คัดแยก ช่วยลดค่าไฟลงกว่า 15% ต่อปี
Amazon ลงทุนติดตั้งระบบพลังงานหมุนเวียนในคลังสินค้า ใช้ความร้อนเหลือทิ้งควบคู่กับโซลาร์เซลล์ ทำให้บางแห่งสามารถดำเนินงานได้ด้วยพลังงานสะอาดเกือบ 100%
ทำไมธุรกิจถึงเริ่มหันมาสนใจ
ลดต้นทุนไฟฟ้า คลังสินค้าขนาดใหญ่ใช้ไฟมหาศาล การผลิตไฟเองช่วยประหยัดได้มาก
ความยั่งยืน (Sustainability) ตอบโจทย์ ESG และลดคาร์บอนฟุตพรินต์
พึ่งพาตัวเอง (Energy Independence) แม้ไฟดับหรือราคาพลังงานผันผวน คลังยังทำงานต่อได้
อนาคต: คลังที่เป็น โรงไฟฟ้า
ในอนาคต คลังสินค้าขนาดใหญ่จะไม่ได้เป็นแค่ที่เก็บสินค้า แต่จะเป็น โรงไฟฟ้าขนาดย่อม ที่ผลิตไฟฟ้าได้มากพอจนเหลือส่งกลับเข้าระบบ (เหมือนบ้านที่ติดโซลาร์รูฟแล้วขายไฟกลับให้การไฟฟ้า)
พูดอีกอย่าง ก็คือธุรกิจโลจิสติกส์อาจกลายเป็น ผู้ผลิตพลังงาน โดยไม่รู้ตัว
สรุปสั้น ๆ
คลังสินค้าที่สร้างพลังงานเองได้คือก้าวสำคัญของโลจิสติกส์ยุคใหม่ ที่ไม่เพียงแต่เก็บสินค้า แต่ยังเก็บ พลังงาน เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน