FIFO, LIFO, FEFO คืออะไร? และควรใช้ตอนไหน
ในการจัดการคลังสินค้า การเลือกวิธีการหมุนเวียนสินค้าที่เหมาะสมมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการจัดเก็บ การลดของเสีย และการควบคุมต้นทุน โดยหลักการที่นิยมใช้กันทั่วไปมีอยู่ 3 แบบ คือ FIFO, LIFO, และ FEFO
1. FIFO (First In, First Out) เข้าแรกออกก่อนFIFO คือหลักการที่สินค้า "เข้าโกดังก่อน ต้องออกก่อน" โดยทั่วไปใช้ในกรณีที่สินค้ามีวันหมดอายุ หรือเสื่อมสภาพตามเวลา เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ยา หรือสินค้าประเภทอุปโภคบริโภค
เหมาะกับ:
- สินค้าที่มีอายุการใช้งาน (Shelf Life)
- สินค้าที่มีโอกาสเสื่อมคุณภาพเมื่อเก็บไว้นาน
- ธุรกิจอาหาร เครื่องสำอาง เวชภัณฑ์
- ลดของเสียจากสินค้าหมดอายุ
- สะท้อนต้นทุนสินค้าที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง
LIFO คือหลักการที่ "ของเข้าใหม่จะถูกขายหรือใช้งานก่อน" วิธีนี้ไม่ค่อยนิยมในระบบคลังสินค้าทั่วไป แต่บางครั้งใช้ในเชิงบัญชีหรือสถานการณ์เฉพาะ เช่น การจัดวางสินค้าที่ซ้อนกัน และไม่สามารถดึงสินค้าชั้นล่างออกมาก่อนได้
เหมาะกับ:
- วัสดุก่อสร้าง เช่น กองทราย ปูน เหล็ก
- สถานการณ์ที่ไม่เน้นวันหมดอายุ
- การบริหารต้นทุนแบบประเมินค่าใช้จ่าย (เช่น บัญชีภาษี)
- เสี่ยงที่สินค้าล็อตเก่าจะค้างสต็อกจนล้าสมัยหรือเสียหาย
- ไม่เหมาะกับสินค้าที่มีอายุการใช้งานจำกัด
FEFO เป็นแนวทางที่ละเอียดขึ้นจาก FIFO โดยจะเน้น "วันหมดอายุ" มากกว่า "วันที่เข้าคลัง" สินค้าที่ใกล้หมดอายุมากที่สุดจะถูกนำออกก่อน แม้ว่าจะเข้ามาทีหลังก็ตาม
เหมาะกับ:
- ยา เวชภัณฑ์ อาหารสด
- สินค้าที่การควบคุมวันหมดอายุเป็นเรื่องสำคัญ
- ธุรกิจที่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานสุขอนามัยหรือกฎหมาย
- ควบคุมคุณภาพสินค้าได้แม่นยำ
- ลดความเสี่ยงในการจำหน่ายสินค้าที่หมดอายุ
สรุป: ควรเลือกใช้ตอนไหน?
ระบบ เหมาะสำหรับ จุดเด่น คำแนะนำ
FIFO สินค้าทั่วไปที่มีอายุการเก็บ ลดของเสียจากสินค้าค้าง ใช้ได้ในเกือบทุกคลังสินค้า
LIFO วัสดุไม่เน่าเสีย หรือซ้อนเก็บแนวตั้ง สะท้อนต้นทุนการเปลี่ยนแปลง ใช้เฉพาะในบางกรณีทางบัญชี
FEFO สินค้าที่มีวันหมดอายุชัดเจน ควบคุมคุณภาพแม่นยำ เหมาะกับยาและอาหาร
การเลือกใช้ FIFO, LIFO หรือ FEFO ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า ลักษณะธุรกิจ และวัตถุประสงค์ในการจัดการคลังสินค้า หากคุณใช้ระบบ ERP หรือ WMS (Warehouse Management System) หลายระบบสามารถตั้งค่าการหมุนเวียนสินค้าแบบอัตโนมัติได้ ซึ่งช่วยให้การควบคุมสินค้ามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น