แชร์

ทำไมบริษัทขนส่งต้องใช้ Barcode และ QR Code ในทุกกล่อง

ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
อัพเดทล่าสุด: 19 ก.ย. 2025
3 ผู้เข้าชม

เคยสังเกตไหมครับว่า ทุกครั้งที่เราส่งของ ไม่ว่าจะเป็นพัสดุเล็ก ๆ หรือกล่องใหญ่ ๆ มักจะมี สติกเกอร์ที่พิมพ์ตัวเลขกับเส้น ๆ ติดอยู่เสมอ? เส้น ๆ นั้นก็คือ Barcode ส่วนบางครั้งก็เป็น QR Code ที่สามารถสแกนได้ง่ายด้วยมือถือ แล้วทำไมบริษัทขนส่งถึงให้ความสำคัญกับสิ่งเล็ก ๆ นี้นักหนา?

จริง ๆ แล้ว Barcode และ QR Code คือ ภาษาลับของโลจิสติกส์ ที่ช่วยให้สินค้าทุกกล่องถูกติดตาม ควบคุม และส่งถึงมือเราได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว


Barcode และ QR Code คืออะไร?

Barcode เป็นรหัสเส้นตรงสีดำ-ขาว ที่แทนค่าข้อมูลตัวเลข เช่น หมายเลขพัสดุ หมายเลขคลังสินค้า หรือรหัสเส้นทางการจัดส่ง
QR Code เป็นรหัสสี่เหลี่ยมที่เก็บข้อมูลได้มากกว่า เช่น ชื่อผู้ส่ง-ผู้รับ ตำแหน่งพัสดุ รายละเอียดการจัดส่ง
ทั้งคู่ทำหน้าที่เหมือน บัตรประชาชนของพัสดุแต่ละชิ้น ทำให้กล่องหนึ่งกล่องไม่สูญหายหรือตกหล่นกลางทาง


เบื้องหลังการเดินทางของพัสดุ: Barcode ทำงานอย่างไร

ลองนึกภาพเส้นทางของพัสดุชิ้นหนึ่ง:

เริ่มจากจุดส่ง พนักงานออกบาร์โค้ดติดที่กล่อง
เข้าศูนย์คัดแยก เครื่องสแกนอ่านบาร์โค้ดเพื่อบอกว่า กล่องนี้ต้องไปที่จังหวัดไหน ศูนย์ใด
ขึ้นรถ/ขึ้นเครื่องบิน สแกนอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าขึ้นขนส่งถูกคัน
ถึงศูนย์ปลายทาง สแกนเพื่อตรวจสอบว่ามาถึงพื้นที่แล้ว
พนักงานจัดส่ง สแกนก่อนนำขึ้นรถ และสุดท้ายสแกนอีกทีตอนส่งถึงผู้รับ
ทุกครั้งที่มีการสแกน ข้อมูลจะถูกส่งเข้าระบบ ทำให้ลูกค้าสามารถติดตามได้แบบเรียลไทม์ผ่าน Tracking Number ที่เราใช้เช็กสถานะนั่นเอง


ทำไมต้องใช้ Barcode/QR Code?

1. ลดความผิดพลาด
ในอดีตที่ยังไม่มีบาร์โค้ด พนักงานต้องอ่านชื่อผู้รับและที่อยู่บนกล่องทีละใบเพื่อคัดแยก ซึ่งเสี่ยงต่อความผิดพลาดสูงมาก บาร์โค้ดทำให้ระบบ อ่านได้แม่นยำ และลดการส่งผิดปลายทาง

2. ทำงานได้เร็วขึ้น
เครื่องสแกนบาร์โค้ดสามารถอ่านได้ภายในเสี้ยววินาที ช่วยให้ศูนย์คัดแยกสามารถประมวลผลพัสดุหลายหมื่นชิ้นต่อชั่วโมง

3. เชื่อมโยงข้อมูลแบบดิจิทัล
QR Code เก็บข้อมูลมากกว่า เช่น สถานะการชำระเงิน หรือแม้แต่การยืนยันว่าเป็นสินค้าของแท้ ซึ่งช่วยให้โลจิสติกส์ไม่ใช่แค่ ส่งของ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบอีคอมเมิร์ซ

4. โปร่งใสและตรวจสอบได้
ทุกการสแกนทิ้งร่องรอยข้อมูลไว้ ทำให้บริษัทขนส่งสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่า พัสดุอยู่ตรงไหน เวลาใด และใครเป็นคนรับผิดชอบ


ความต่างระหว่าง Barcode และ QR Code

Barcode เหมาะกับข้อมูลสั้น ๆ เช่น รหัสพัสดุ
QR Code เหมาะกับข้อมูลละเอียด เช่น ข้อมูลลูกค้า ลิงก์ติดตาม หรือข้อมูลการคืนสินค้า
หลายบริษัทจึงใช้ทั้งคู่ควบคู่กัน เช่น Barcode สำหรับระบบขนส่งภายใน และ QR Code สำหรับให้ลูกค้าสแกนติดตามเอง


อนาคตของการติดตามพัสดุ

แม้ปัจจุบัน Barcode และ QR Code จะยังเป็นมาตรฐาน แต่เทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็กำลังเข้ามา เช่น:

RFID (Radio Frequency Identification) ที่ไม่ต้องสแกนทีละกล่อง แต่สามารถอ่านข้อมูลได้พร้อมกันหลายร้อยชิ้น
NFC (Near Field Communication) ที่อาจช่วยตรวจสอบพัสดุแบบแตะเพียงครั้งเดียว
AI + Computer Vision ที่สามารถ อ่านกล่อง ได้โดยไม่ต้องมีสติกเกอร์

บทสรุป

Barcode และ QR Code อาจดูเป็นเพียงสติกเกอร์เล็ก ๆ บนกล่อง แต่จริง ๆ แล้วคือหัวใจของการขนส่งยุคดิจิทัล เพราะมันทำให้การจัดส่ง รวดเร็ว แม่นยำ ตรวจสอบได้
ดังนั้น ครั้งหน้าที่คุณเห็นพนักงานสแกนพัสดุก่อนส่งออกไป อย่าลืมว่า ติ๊ด เล็ก ๆ เสียงเดียว อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้พัสดุถึงมือคุณได้อย่างปลอดภัยและตรงเวลาเลยครับ


บทความที่เกี่ยวข้อง
ยุคใหม่ของการขนส่งสินค้า: เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ธุรกิจของคุณง่ายขึ้นได้อย่างไร?
ในโลกที่การแข่งขันทางธุรกิจทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ การบริหารจัดการ "การขนส่งสินค้า" ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือก แต่คือหัวใจสำคัญที่จะชี้ชะตาความสำเร็จของธุรกิจ จากยุคของการขนส่งที่ต้องพึ่งพากระบวนการอันซับซ้อนและแรงงานคนเป็นหลัก วันนี้เราได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เทคโนโลยีล้ำสมัยได้เข้ามาปฏิวัติวงการโลจิสติกส์อย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนเรื่องยุ่งยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส บทความนี้จะพาทุกท่านไปสำรวจโลกแห่งเทคโนโลยีการขนส่ง และค้นพบว่าเครื่องมือเหล่านี้จะเข้ามาปลดล็อกศักยภาพและทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างไร
ร่วมมือ.jpg Contact Center
19 ก.ย. 2025
เปิดร้านคนเดียว vs มีหุ้นส่วน : ข้อดีข้อเสียที่ต้องชั่งใจก่อนเริ่มธุรกิจแฟรนไชส์
เมื่อคุณตัดสินใจที่จะก้าวสู่เส้นทางการเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ หนึ่งในคำถามแรกๆ และสำคัญที่สุดที่คุณต้องตอบให้ได้
ร่วมมือ.jpg Contact Center
19 ก.ย. 2025
Incoterms คืออะไร? ทำไมคนทำธุรกิจนำเข้า-"ส่งออก" ต้องเข้าใจเงื่อนไขเหล่านี้
เมื่อคุณทำธุรกิจซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ เคยสงสัยไหมว่า... ถ้าสินค้ำเสียหายกลางทะเล ใครต้องรับผิดชอบ? ใครเป็นคนจ่ายค่าประกันภัย? และใครมีหน้าที่ดำเนินพิธีการศุลกากร? คำถามเหล่านี้คือจุดที่สร้างความขัดแย้งและค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนในโลกการค้า
ร่วมมือ.jpg Contact Center
19 ก.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ