แชร์

เทคโนโลยีตรวจจับตำแหน่งพัสดุในคลัง (Item-Level Tracking) ด้วย RFID + AI

ออกแบบโลโก้__5_.png BANKKUNG
อัพเดทล่าสุด: 24 ก.ค. 2025
20 ผู้เข้าชม

จาก ของอยู่ไหน? สู่ระบบติดตามแบบเรียลไทม์

ในอดีต เวลาพนักงานถามหาพัสดุในคลังสินค้า คำตอบอาจมีแค่ 2 แบบ:

"น่าจะอยู่แถวๆ นั้น"
"ต้องขอเวลาหาก่อนครับ"
ทั้งเสียเวลา ทั้งเสี่ยงผิดพลาด
แต่วันนี้ คำตอบใหม่คือ: อยู่ที่แถว 4 ชั้น 2 ตำแหน่ง C-27 ครับ
เพราะเรามี เทคโนโลยี Item-Level Tracking ด้วย RFID + AI มาช่วย


Item-Level Tracking คืออะไร?

Item-Level Tracking คือระบบที่สามารถติดตาม ตำแหน่งของพัสดุแต่ละชิ้น (ไม่ใช่แค่พาเลทหรือกล่องรวม) แบบ เรียลไทม์ในคลังสินค้า โดยใช้:

RFID Tag (แท็กอิเล็กทรอนิกส์) ติดที่ตัวพัสดุ
RFID Reader วางตามจุดสำคัญในคลัง
AI หรือระบบวิเคราะห์ คอยประมวลผลและระบุตำแหน่งของพัสดุแต่ละชิ้นอย่างแม่นยำ

 

ทำไมต้องใช้ RFID แทนบาร์โค้ด?

 


 


AI เข้ามาช่วยอะไร?

AI สามารถเรียนรู้รูปแบบการเคลื่อนไหวของพัสดุในคลัง เช่น:

ระยะเวลาที่พัสดุอยู่ในจุดหนึ่ง
พฤติกรรมของพนักงานที่ย้ายของผิดตำแหน่ง
ตรวจจับ ของตกหล่น หรือ ของหาย แบบอัตโนมัติ
นอกจากนี้ AI ยังสามารถประมวลผล Big Data เพื่อเสนอแนะ เส้นทางจัดวางสินค้าที่ดีที่สุด เพื่อประหยัดเวลาและแรงงาน


ประโยชน์ของ Item-Level Tracking

1. รู้ตำแหน่งของทุกชิ้นแบบทันที
ไม่ต้องเสียเวลาหาของ ลดเวลาจัดของ ลดความผิดพลาดในการหยิบผิด

2. ป้องกันของหายของผิดที่
มีระบบแจ้งเตือนเมื่อพัสดุถูกวางผิดตำแหน่ง หรือออกจากพื้นที่โดยไม่อนุญาต

3. เชื่อมต่อกับระบบ ERP/WMS ได้
ข้อมูลจาก RFID สามารถเชื่อมต่อไปยังระบบหลัก เช่น ERP หรือ WMS เพื่ออัปเดตสถานะทันที

4. รองรับระบบหยิบอัตโนมัติ (Pick-to-Light, AGV, Robot)
รู้ตำแหน่งชัดเจน = ทำให้หุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติทำงานได้ถูกต้อง


ใช้กับธุรกิจแบบไหนได้บ้าง?

คลังสินค้าขนาดใหญ่ที่มีของหลาย SKU
ศูนย์กระจายสินค้าที่หมุนเวียนของตลอดเวลา
ธุรกิจ e-Commerce ที่มีพัสดุเข้าคลังออกคลังตลอดวัน
ผู้ผลิตที่ต้องติดตามชิ้นส่วนในสายการผลิต (Manufacturing Logistics)

ต้นทุนกับผลตอบแทน (ROI)

แม้ระบบ RFID จะมีต้นทุนเริ่มต้นสูงกว่าบาร์โค้ด แต่เมื่อใช้ร่วมกับ AI แล้ว จะได้ประโยชน์ในด้าน:

ลดเวลาค้นหาสินค้าได้มากกว่า 40-60%
ลดค่าเสียหายจากของหายหรือส่งผิดที่
เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
ตรวจสอบย้อนหลังได้เมื่อมีปัญหา (เช่น สินค้าเสียหายหรือเคลม)

ความท้าทายและการปรับใช้

การติดตั้งอุปกรณ์อ่าน (RFID Reader) ต้องวางแผนตำแหน่งให้ครอบคลุม
แท็ก RFID ต้องเลือกให้เหมาะกับประเภทสินค้า (ของโลหะของเหลวของร้อน)
การฝึกอบรมพนักงาน ให้เข้าใจระบบใหม่
ระบบ AI ต้องเรียนรู้จากข้อมูลจริงก่อน ถึงจะให้ผลแม่นยำ

สรุป: คลังสินค้าแม่นยำเริ่มต้นที่ รู้ว่าของอยู่ตรงไหน
ถ้าการจัดการพัสดุเปรียบเหมือน เกมล่าขุมทรัพย์
เทคโนโลยี Item-Level Tracking ด้วย RFID + AI ก็คือ แผนที่ขุมทรัพย์แบบเรียลไทม์
ช่วยให้คุณเห็นทุกจุดของคลัง รู้ทุกตำแหน่งของของ เพิ่มความเร็ว และลดต้นทุน

ในยุคที่ลูกค้าไม่อยากรอ พัสดุต้องแม่น ระบบต้องอัตโนมัติ
เทคโนโลยีนี้ คือคำตอบที่ธุรกิจโลจิสติกส์ยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม

 


 



บทความที่เกี่ยวข้อง
บริหารคลังอย่างไรให้รองรับการส่งออก
การส่งออกไม่ใช่แค่การบรรจุของขึ้นตู้แล้วจัดส่งต่างประเทศ แต่เป็นกระบวนการที่ต้องการความแม่นยำ ความเร็ว และความพร้อมในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะ “ระบบคลังสินค้า”
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
26 ก.ค. 2025
Fulfillment-as-a-Service (FaaS): โมเดลใหม่ของการบริหารคลัง
เมื่อโลกของอีคอมเมิร์ซเติบโตแบบก้าวกระโดด การบริหารจัดการคลังสินค้าและการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็ว
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
26 ก.ค. 2025
EOQ คืออะไร? สูตรลับคลังสินค้า สั่งของเท่าไหร่ให้ 'คุ้ม' ที่สุด
เคยเจอปัญหานี้ไหมครับ? สั่งของมาตุนในคลังสินค้าเยอะเกินไป เงินทุนก็จมไปกับสต็อก แถมยังต้องเสียค่าเช่าพื้นที่เพิ่ม แต่พอสั่งของมาน้อยเกินไป สินค้าก็ขาด ขายไม่ได้ เสียโอกาสทางธุรกิจไปอีก... คำถามคือ แล้วเราควรจะสั่งของครั้งละเท่าไหร่ดี ถึงจะเรียกว่า "พอดี" และ "คุ้มค่า" ที่สุด? วันนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จักกับ EOQ (Economic Order Quantity) หรือ ปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด ซึ่งเป็นเหมือนสูตรลับที่ช่วยให้ธุรกิจหาจุดสมดุลในการสั่งซื้อสินค้าได้อย่างมืออาชีพ
โก้(นักศึกษาฝึกงาน)
23 ก.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ