แชร์

การจัดการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ (Oversized Cargo) เคล็ดลับที่หลายคนมองข้าม

ร่วมมือ.jpg เหมาคัน
อัพเดทล่าสุด: 13 ก.ย. 2025
7 ผู้เข้าชม

เวลาพูดถึงโลจิสติกส์ หลายคนอาจจะนึกถึงกล่องพัสดุเล็ก ๆ ที่ส่งผ่านรถมอเตอร์ไซค์หรือรถตู้ แต่ความจริงแล้ว ยังมีอีกหนึ่งโจทย์ที่ซับซ้อนกว่ามาก คือ การขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ หรือ Oversized Cargo ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักร อุปกรณ์ก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้กระทั่งงานศิลปะชิ้นใหญ่ ๆ การส่งของเหล่านี้ไม่ได้ง่ายเหมือนส่งกล่องเล็ก ๆ เลย

ปัญหาที่มักเกิดขึ้น

ขนาดและน้ำหนัก บางชิ้นใหญ่เกินกว่าจะเข้าในรถบรรทุกมาตรฐาน ต้องใช้รถพิเศษหรือปรับแต่งรถให้เหมาะสม
เส้นทาง ไม่ใช่ทุกเส้นทางจะรองรับการขนของใหญ่ ๆ ได้ บางทีต้องขออนุญาตใช้เส้นทางพิเศษ หรือเลี่ยงสะพาน-อุโมงค์ที่ไม่สามารถรองรับได้
การยกและจัดวาง แค่การบรรทุกก็เป็นความท้าทาย ต้องมีเครน โฟล์กลิฟต์ หรือทีมชำนาญพิเศษ
ความปลอดภัย ของใหญ่ ๆ ไม่ได้แค่เสี่ยงเสียหาย แต่ยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุถ้าไม่จัดการดี

เคล็ดลับที่ช่วยให้งานลื่นไหล

วางแผนล่วงหน้า

การส่ง Oversized Cargo ไม่ใช่แค่โทรเรียกรถแล้วจบ แต่ต้องวางแผนละเอียด ตั้งแต่เลือกยานพาหนะ เส้นทาง เวลา และแม้กระทั่งการขออนุญาตพิเศษจากหน่วยงานต่าง ๆ
เลือกผู้ให้บริการเฉพาะทาง
บริษัทขนส่งทั่วไปอาจไม่เหมาะกับสินค้าขนาดใหญ่ การเลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์ในด้านนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้งานราบรื่นขึ้น
อุปกรณ์และทีมงาน
การขนของใหญ่ไม่ใช่แค่เรื่องรถ แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์ยก ทีมงานที่มีทักษะ และมาตรการความปลอดภัย การประหยัดด้วยการใช้ทีมที่ไม่มีความชำนาญ อาจทำให้ค่าใช้จ่ายสุดท้ายสูงกว่าที่คิด
การประกันภัย
ของใหญ่ มูลค่าสูง ต้องไม่ลืมเรื่องประกันภัย เพราะถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมา การมีประกันครอบคลุมจะช่วยให้เจ้าของสินค้าสบายใจ และผู้ขนส่งก็ทำงานได้มั่นใจขึ้น
ตัวอย่างใกล้ตัว
เคยมีกรณีบริษัทก่อสร้างที่ต้องขนเสาเหล็กยาวพิเศษเข้ามาในไซต์งาน การขนผ่านเส้นทางในเมืองทำให้ติดปัญหาสะพานและสายไฟฟ้า สุดท้ายต้องปรับเส้นทางใหม่ในเวลากลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและลดผลกระทบการจราจร ถ้าไม่มีการวางแผนที่ดี งานก่อสร้างคงล่าช้าและต้นทุนบานปลายแน่นอน

สรุป

Oversized Cargo ไม่ใช่เรื่องของ รถใหญ่ อย่างเดียว แต่คือการจัดการทุกขั้นตอนอย่างมืออาชีพ ตั้งแต่การวางแผน เส้นทาง ทีมงาน ไปจนถึงประกันภัย ธุรกิจที่ต้องเจอกับการขนส่งรูปแบบนี้ หากใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จะสามารถลดความเสี่ยง ประหยัดต้นทุน และทำให้งานเดินหน้าได้อย่างราบรื่นครับ


บทความที่เกี่ยวข้อง
เทรนด์ใหม่ SME: สร้างระบบขนส่งแบบ 'Hybrid' ผสมผสานข้อดีระหว่างทำเองและ Outsource
สำหรับเจ้าของธุรกิจ SME ที่กำลังเติบโต คำถามสำคัญด้านโลจิสติกส์ที่มักจะเกิดขึ้นคือ "เราควรจะจัดการขนส่งด้วยตัวเองต่อไป หรือจ้างบริษัทข้างนอก (Outsource) ทั้งหมดดี?" การทำเองให้ความรู้สึกว่าควบคุมได้เต็มร้อย แต่ก็เหนื่อยและมีต้นทุนแฝง ในขณะที่การ Outsource ทั้งหมดก็อาจทำให้รู้สึกว่าเสียการควบคุมหรือมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป แต่จะดีกว่าไหมถ้าคุณไม่จำเป็นต้องเลือกข้างใดข้างหนึ่ง? ขอแนะนำให้รู้จักกับ "Hybrid Logistics" กลยุทธ์การขนส่งแบบผสมผสาน ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงและตอบโจทย์ SME ยุคใหม่ได้อย่างลงตัวที่สุด
ปาล์ม นักศึกษาฝึกงาน
13 ก.ย. 2025
โลจิสติกส์สำหรับธุรกิจ Startups เริ่มต้นอย่างไรไม่ให้ต้นทุนบาน
เวลาพูดถึง “โลจิสติกส์” หลาย Startup มักจะคิดถึงเรื่องใหญ่ ๆ อย่างโกดังขนาดมหึมา รถขนส่งนับสิบคัน หรือระบบไอทีที่ซับซ้อน แต่ในความเป็นจริงแล้ว สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ การบริหารจัดการให้คุ้มค่า และ “ไม่บานปลายเกินความจำเป็น”
ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
13 ก.ย. 2025
Speed vs. Cost ลูกค้าต้องการอะไรจริง ๆ ระหว่างเร็วหรือถูก
ในโลกอีคอมเมิร์ซยุคนี้ การขนส่งไม่ได้เป็นแค่ “ส่งของให้ถึง” อีกต่อไป แต่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อ หลายธุรกิจมักถามตัวเองว่า ลูกค้าต้องการอะไรแน่ ระหว่างการส่งที่ “เร็ว” หรือการส่งที่ “ถูก”
ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
13 ก.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ