Drones ส่งของอัตโนมัติ เริ่มใช้จริงในบางประเทศแล้ว ไทยพร้อมหรือยัง?
ภาพที่เคยเป็นแค่ในหนังไซไฟ ตอนนี้กลายเป็นจริงแล้ว!
เสียง หึ่งงง ของโดรนกำลังกลายเป็นเสียงคุ้นหูในบางประเทศ
เพราะการส่งของด้วยโดรนไม่ใช่เรื่องทดลองอีกต่อไป แต่ เริ่มใช้งานจริงแล้ว ในบางพื้นที่ของ
สหรัฐอเมริกา
จีน
ญี่ปุ่น
ออสเตรเลีย
โดยเฉพาะการส่งของ Last Mile Delivery ที่ต้องการความเร็วสูง เช่น:
อาหารร้อน
ยาและเวชภัณฑ์
พัสดุเร่งด่วนในเขตชุมชน
ส่งด้วยโดรนดีกว่ายังไง?
1. เร็วกว่าไม่ติดรถติด
โดรนใช้เส้นทาง อากาศ ไม่ติดไฟแดง ไม่ติดถนน
ส่งพัสดุในรัศมี 515 กม. ได้ภายใน 510 นาที
2. เข้าถึงพื้นที่ยาก
เช่น หมู่บ้านบนเขา, เกาะ, หรือพื้นที่น้ำท่วม
3. ลดต้นทุนแรงงาน
ใช้ระบบอัตโนมัติ ไม่ต้องพึ่งแมสเซนเจอร์จำนวนมาก
4. ลดการปล่อยคาร์บอน
โดรนไฟฟ้า = ขนส่งแบบ Zero Emission
มีใครใช้อยู่แล้วบ้าง?
แล้วประเทศไทยล่ะ? พร้อมไหม?
ไทยกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา โดยมีแนวโน้มที่ดีจากหลายด้าน:
1. สตาร์ทอัปไทยเริ่มทดลองแล้ว
เช่น:
โครงการส่งยาและเวชภัณฑ์ด้วยโดรนในพื้นที่ชนบท
การทดลองใช้โดรนส่งของภายในเขตเทศบาลที่ไม่ติดสัญญาณ
2. ภาครัฐเริ่มสนับสนุน
กพท. (สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย) มีการออกใบอนุญาตโดรนเพื่อการพาณิชย์
มี Sandbox ทดลองในพื้นที่จำกัด
3. สภาพแวดล้อมเมืองใหญ่มีศักยภาพ
พื้นที่หนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล อาจใช้โดรนเพื่อแก้ปัญหารถติดได้ในอนาคต
อุปสรรคที่ยังต้องฝ่าฟัน
กฎหมายการบินโดรนในพื้นที่ชุมชนยังจำกัด
โครงสร้างพื้นฐาน เช่น จุดลงจอดอัจฉริยะ ยังไม่มี
ความไว้วางใจของผู้บริโภค (กลัวของตก, เสียหาย)
ค่าใช้จ่ายยังสูงอยู่สำหรับการใช้งานทั่วไป
แต่ ธุรกิจ ควรเริ่มเตรียมตัวยังไง?
ติดตามเทรนด์อย่างใกล้ชิด เทคโนโลยีนี้จะค่อย ๆ ขยายตัว
ศึกษาโซลูชันร่วมกับสตาร์ทอัปหรือมหาวิทยาลัย
เตรียมข้อมูลลูกค้าให้พร้อม (Location + Drop Point) เพื่อให้รองรับระบบส่งของแบบอัตโนมัติ
คิดระบบความปลอดภัยของสินค้า หากวันหนึ่งต้องส่งของผ่านโดรนจริง
ตัวอย่างการใช้จริงในอนาคตของธุรกิจไทย
ร้านขายยาในกรุงเทพส่งเวชภัณฑ์ด่วนไปต่างจังหวัดผ่านโดรน
ร้านอาหารส่งอาหารจากสาขาบนตึกสูง โดยไม่ต้องรอลิฟต์
คลังสินค้าส่งของจากโซนกระจายกลางไปยังหมู่บ้านปลายทางที่น้ำท่วม
สรุป: โดรนกำลังบินเข้าสู่โลจิสติกส์ไทย
แม้จะยังไม่เป็นระบบหลักในวันนี้
แต่ในอีก 25 ปีข้างหน้า ธุรกิจที่เตรียมพร้อมก่อน
จะสามารถนำโดรนมาเป็นส่วนหนึ่งของการส่งของ
ทั้งเร็วขึ้น ประหยัดขึ้น และตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าที่หลากหลายยิ่งกว่าเดิม