แชร์

รายได้ดีจริงไหม? เปิดโมเดลธุรกิจตัวแทนขนส่ง จุดคุ้มทุนและโอกาสเติบโต

ร่วมมือ.jpg Contact Center
อัพเดทล่าสุด: 15 ก.ค. 2025
9 ผู้เข้าชม

รายได้ดีจริงไหม? เปิดโมเดลธุรกิจตัวแทนขนส่ง จุดคุ้มทุนและโอกาสเติบโต

ในยุคที่ E-commerce เติบโตอย่างก้าวกระโดด ภาพของร้านรับ-ส่งพัสดุสีสันสดใสที่ผุดขึ้นทุกหัวมุมถนนกลายเป็นภาพที่คุ้นตา หลายคนมองว่านี่คือธุรกิจที่น่าสนใจ ลงทุนไม่สูง และน่าจะมีรายได้ที่ดีสม่ำเสมอ แต่คำถามสำคัญที่นักลงทุนหน้าใหม่ต้องตอบให้ได้คือ "รายได้ดีจริงไหม?"

บทความนี้จะพาคุณไปผ่าตัดโมเดลธุรกิจตัวแทนขนส่งอย่างละเอียด ตั้งแต่ที่มาของรายได้ โครงสร้างต้นทุน จุดที่เรียกว่า "คุ้มทุน" และโอกาสที่คุณจะเติบโตได้ในสมรภูมินี้ เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดก่อนตัดสินใจลงทุน

1.รายได้มาจากไหน? ไม่ได้มีแค่ค่าส่งพัสดุ

หัวใจของธุรกิจนี้คือ "ส่วนแบ่งค่าบริการ" (Commission) ที่ได้รับจากบริษัทขนส่งแม่ แต่การจะอยู่รอดและเติบโตได้นั้น ต้องอาศัยรายได้จากหลายทาง

รายได้หลัก: ส่วนแบ่งค่าจัดส่ง

  • ทุกครั้งที่มีการส่งพัสดุผ่านร้านของคุณ คุณจะได้รับส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์หรือเป็นยอดเงินคงที่ต่อชิ้น ซึ่งอัตรานี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละแฟรนไชส์และประเภทบริการ (เช่น ส่งด่วน, ส่งธรรมดา) รายได้ส่วนนี้แปรผันตรงกับ "ปริมาณ" พัสดุ ยิ่งส่งเยอะ ยิ่งได้เยอะ

รายได้เสริม: พระเอกตัวจริงในการทำกำไร

  • ขายอุปกรณ์แพ็คกิ้ง: กล่อง, ซอง, เทปกาว, บับเบิ้ลกันกระแทก ส่วนนี้มีอัตรากำไร (Margin) ค่อนข้างสูงและเป็นสิ่งที่ลูกค้าทุกคนต้องใช้
  • บริการเสริมอื่นๆ
    • ปริ้นท์/ถ่ายเอกสาร/เคลือบบัตร
    • บริการจ่ายบิล, เติมเงิน
    • จุดรับคืนสินค้าสำหรับแพลตฟอร์ม E-commerce
    • ขายประกันเสริมสำหรับพัสดุมูลค่าสูง

เคล็ดลับ: อย่าพึ่งพารายได้จากค่าส่งเพียงอย่างเดียว ร้านที่ประสบความสำเร็จมักจะมีรายได้จากบริการเสริมเหล่านี้ไม่ต่ำกว่า 20-30% ของรายได้ทั้งหมด

2.เปิดโมเดลค่าใช้จ่าย: เงินลงทุนและรายจ่ายประจำ

ก่อนจะถามหากำไร ต้องเข้าใจต้นทุนทั้งหมดเสียก่อน ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ส่วนหลัก

เงินลงทุนเริ่มต้น (Initial Investment)

  • ค่าแฟรนไชส์: ตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท แลกกับสิทธิ์ในการใช้ชื่อแบรนด์, ระบบจัดการ, และการสนับสนุนต่างๆ
  • ค่าตกแต่งและก่อสร้าง: ทำให้ร้านเป็นไปตามมาตรฐานของแบรนด์
  • ค่าอุปกรณ์: คอมพิวเตอร์, เครื่องพิมพ์, เครื่องสแกนบาร์โค้ด, เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิทัล, กล้องวงจรปิด
  • ค่าสต็อกสินค้าเริ่มต้น: อุปกรณ์แพ็คกิ้งต่างๆ
  • เงินมัดจำค่าเช่าสถานที่
  • เงินทุนหมุนเวียน: สำคัญมาก! สำหรับใช้จ่ายในช่วง 3-6 เดือนแรกที่ร้านอาจจะยังไม่มีกำไร

รายจ่ายประจำเดือน (Operating Expenses)

  • ค่าเช่าที่
  • เงินเดือนพนักงาน (หากมี)
  • ค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าอินเทอร์เน็ต
  • ค่าการตลาดและส่งเสริมการขาย
  • ค่าธรรมเนียมรายเดือน/ส่วนแบ่งการตลาด (Royalty/Marketing Fee) ที่ต้องจ่ายให้แบรนด์แม่ (ถ้ามี)

3.จุดคุ้มทุน (Break-Even Point): ต้องส่งวันละกี่ชิ้นถึงจะรอด?

นี่คือคำถามที่สำคัญที่สุด จุดคุ้มทุนคือจุดที่ รายรับ = รายจ่าย ซึ่งหมายความว่าคุณยังไม่ขาดทุน แต่ก็ยังไม่มีกำไร

วิธีคำนวณอย่างง่าย

สมมติ

  • รายจ่ายคงที่ต่อเดือน (ค่าเช่า, เงินเดือน, อื่นๆ) = 30,000 บาท
  • กำไรเฉลี่ยต่อพัสดุ 1 ชิ้น (หลังหักส่วนแบ่งให้แบรนด์แม่) = 8 บาท
  • กำไรจากบริการเสริม (คาดการณ์) = 5,000 บาท/เดือน

สูตร: (รายจ่ายคงที่ - กำไรจากบริการเสริม) / กำไรเฉลี่ยต่อชิ้น = จำนวนชิ้นที่ต้องส่งต่อเดือน

  • (30,000 - 5,000) / 8 = 3,125 ชิ้นต่อเดือน

นั่นหมายความว่า คุณต้องส่งพัสดุให้ได้เฉลี่ยวันละประมาณ 105 ชิ้น (3,125 / 30) จึงจะถึงจุดคุ้มทุน

หมายเหตุ: ตัวเลขนี้เป็นเพียงตัวอย่าง คุณต้องนำตัวเลขค่าใช้จ่ายจริงและโครงสร้างส่วนแบ่งของแฟรนไชส์ที่คุณสนใจมาคำนวณเพื่อหาจุดคุ้มทุนของตัวเอง

4.โอกาสเติบโตและความท้าทาย

โอกาส (Opportunities)

  • E-commerce ยังโตต่อ: ตราบใดที่คนยังช้อปปิ้งออนไลน์ ธุรกิจขนส่งก็ยังจำเป็น
  • Live Commerce: การขายของผ่านไลฟ์สดที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีความต้องการส่งของด่วนมากขึ้น
  • เป็น Hub ของชุมชน: สามารถต่อยอดเป็นจุดบริการครบวงจรอื่นๆ เพื่อดึงดูดคนในพื้นที่
  • จับมือกับร้านค้าออนไลน์: ทำสัญญาส่งพัสดุจำนวนมากกับร้านค้าในละแวกใกล้เคียง

ความท้าทาย (Challenges)

  • การแข่งขันสูงมาก: มีร้านตัวแทนเปิดใหม่แทบทุกวัน การแข่งขันด้านราคาและโปรโมชันจึงรุนแรง
  • กำไรต่อชิ้นน้อย (Thin Margin): ต้องอาศัยปริมาณมหาศาล (Volume) เพื่อสร้างกำไรที่น่าพอใจ
  • ทำเลคือหัวใจ: หากเลือกทำเลผิดพลาด โอกาสประสบความสำเร็จจะลดลงฮวบฮาบ
  • งานบริการลูกค้า: ต้องรับมือกับปัญหาพัสดุเสียหาย, ล่าช้า, และข้อร้องเรียนต่างๆ ซึ่งกระทบต่อชื่อเสียงของร้านโดยตรง

บทสรุป: รายได้ดีจริงไหม?

คำตอบคือ "รายได้ดีได้...แต่ไม่ง่าย" ธุรกิจตัวแทนขนส่งไม่ใช่ธุรกิจจับเสือมือเปล่าหรือเครื่องผลิตเงินอัตโนมัติ มันสามารถสร้างรายได้ที่ดีและมั่นคงได้จริง หากคุณ

  1. เลือกทำเลที่ใช่: ใกล้แหล่งชุมชน, หมู่บ้าน, หรือตลาดที่มีร้านค้าออนไลน์
  2. บริหารจัดการต้นทุนเก่ง: ควบคุมรายจ่ายประจำให้อยู่ในระดับต่ำ
  3. มีใจรักงานบริการ: สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเพื่อสร้างฐานลูกค้าประจำ
  4. ขยันและอดทน: พร้อมทำงานหนักและมีสายป่านที่ยาวพอจะผ่านช่วงแรกที่ยังไม่มีกำไรไปให้ได้

ธุรกิจนี้มอบ "โอกาส" ให้กับคนที่พร้อมจะลุย แต่ก็มี "ความเสี่ยง" สำหรับคนที่มองข้ามรายละเอียด ดังนั้น ก่อนจะลงทุน ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน คำนวณตัวเลขอย่างละเอียด และเตรียมแผนธุรกิจให้พร้อมเสมอ

ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่

โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-3039620

อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com

ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210

คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย!
https://www.bsgroupth.com/parcel-delivery-service-to-customers-home


บทความที่เกี่ยวข้อง
Just In Time (JIT) ในการขนส่งมีลักษณะอย่างไร ?
Just-in-Time (JIT) ในการขนส่ง: ส่งมอบทันเวลา ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ
โก้(นักศึกษาฝึกงาน)
15 ก.ค. 2025
ระบบ ลีน ( LEAN )  มีประโยนช์ต่อการขนอย่างอะไรบ้าง ?
เป็นแนวคิดในการบริหารจัดการ โดยเน้นการ กำจัดความสูญเปล่า (Waste) และ เพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า (Customer Value) โดยใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุด
ใบบัว ( นักศึกษาฝึกงาน )
15 ก.ค. 2025
AI พัฒนาการขนส่งได้มากกว่าที่คิด
AI (ปัญญาประดิษฐ์) มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการขนส่งในหลายด้าน ทั้งด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ต่อไปนี้คือวิธีหลัก ๆ ที่ AI ช่วยพัฒนาการขนส่ง
ใบบัว ( นักศึกษาฝึกงาน )
14 ก.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ