5 วิธีลดต้นทุนค่าขนส่งสำหรับธุรกิจ SME โดยไม่ลดคุณภาพ

5 วิธีลดต้นทุนค่าขนส่งสำหรับธุรกิจ SME โดยไม่ลดคุณภาพ (เซฟงบ เพิ่มกำไร!)
สำหรับเจ้าของธุรกิจ SME "ค่าขนส่ง" มักเป็นหนึ่งในต้นทุนก้อนใหญ่ที่กัดกินกำไรสุทธิของเราไปอย่างน่าเสียดาย ยิ่งในยุคที่การแข่งขันสูง หลายร้านพยายามลดราคาสินค้าแต่กลับต้องมาแบกรับค่าส่งที่แพงขึ้น ครั้นจะเลือกใช้ขนส่งที่ถูกที่สุด ก็กลัวว่าจะเจอของเสียหาย ส่งช้า จนลูกค้าหนีหาย
คำถามคือ... มีวิธีไหนบ้างที่จะช่วย "ลดต้นทุน" ลงได้ โดยที่คุณภาพการบริการยังคง "มาตรฐานระดับท็อป" ไว้ได้? วันนี้เรามี 5 เคล็ดลับที่ SME มือโปรเลือกใช้มาฝากกันครับ
1. เลิกส่ง "ลม" ในกล่อง (Right-Sizing Packaging)
รู้หรือไม่? บริษัทขนส่งส่วนใหญ่คิดค่าบริการจาก "น้ำหนักตามปริมาตร" (Dimensional Weight) ควบคู่กับน้ำหนักจริง หากคุณใช้กล่องใบใหญ่ใส่สินค้าชิ้นเล็ก คุณกำลังจ่ายเงินค่าขนส่งให้กับ "อากาศ" ที่ว่างเปล่าในกล่องฟรีๆ
วิธีแก้: เลือกขนาดกล่องหรือซองพัสดุให้พอดีกับตัวสินค้าที่สุด นอกจากจะประหยัดค่าส่งแล้ว ยังช่วยลดค่าวัสดุกันกระแทกได้อีกด้วย
2. รวมเที่ยวส่ง ยิ่งเยอะ ยิ่งคุ้ม (Consolidation)
การส่งของทีละชิ้นสองชิ้นเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรทั้งเวลาและน้ำมัน (กรณีไปส่งเอง)
วิธีแก้: วางแผนรอบการจัดส่งให้ชัดเจน (เช่น ตัดรอบบ่าย 2 โมงส่งทีเดียว) หรือหากเป็นการส่งสินค้าเข้าคลัง การรอรวบรวมสินค้าให้เต็มคันรถ (Full Truck Load) หรือการแชร์พื้นที่รถกับผู้ประกอบการรายอื่น จะช่วยหารเฉลี่ยต้นทุนต่อชิ้นให้ถูกลงมหาศาล
3. เจรจาขอ "เรตราคาองค์กร" (Corporate Rates)
อย่าเพิ่งยอมรับราคาหน้าเคาน์เตอร์เสมอไป! หากธุรกิจของคุณมีการจัดส่งที่สม่ำเสมอ แม้จะไม่ได้เยอะเป็นหมื่นชิ้น แต่ถ้ามี Volume ต่อเดือนที่แน่นอน คุณมีอำนาจในการต่อรองครับ
วิธีแก้: ติดต่อฝ่ายขายของบริษัทขนส่งเพื่อขอเปิดบัญชีลูกค้าธุรกิจ (Corporate Account) ซึ่งมักจะได้ส่วนลดพิเศษ หรือเครดิตเทอมที่ช่วยให้สภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น
4. ใช้เทคโนโลยีลดความผิดพลาด (Minimize Human Error)
"ส่งผิดที่ = ต้นทุน 2 เท่า" การจ่าหน้าซองผิด หรือแพ็คของผิด นอกจากจะเสียค่าส่งฟรีๆ แล้ว ยังต้องเสียค่าส่งของตีกลับและส่งใหม่ รวมถึงเสียความรู้สึกของลูกค้าด้วย
วิธีแก้: ลงทุนใช้ระบบจัดการหลังบ้าน (Order Management System) หรือเครื่องพิมพ์ใบปะหน้า เพื่อความแม่นยำ 100% การลดความผิดพลาดคือการลดต้นทุนแฝงที่ดีที่สุด
5. เลือกพาร์ทเนอร์ที่ "ไว้ใจได้" สำคัญกว่า "ถูกที่สุด"
บางครั้ง "ของถูก" อาจแพงกว่าที่คิด หากคุณเลือกขนส่งที่ถูกที่สุดแต่ทำของเสียหายบ่อยๆ ค่าเคลมสินค้าและชื่อเสียงที่เสียไปอาจไม่คุ้มกัน
วิธีแก้: เลือกพาร์ทเนอร์ขนส่งที่มีมาตรฐาน มีการรับประกันสินค้า และมีทีมงานมืออาชีพ เพราะการส่งของถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัยในครั้งเดียว คือการประหยัดต้นทุนที่สุดแล้ว
สรุปส่งท้าย
การลดต้นทุนค่าขนส่ง ไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยการลดคุณภาพบริการ เพียงแค่คุณใส่ใจรายละเอียดในการบริหารจัดการ เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม และมีพาร์ทเนอร์ขนส่งที่ดี คุณก็สามารถเปลี่ยนต้นทุนส่วนเกินให้กลายเป็นกำไรเข้ากระเป๋าได้ทันทีครับ
ไทก้า นักศึกษาฝึกงาน


