HS CODE คืออะไร และจะสามารถหา HS CODE ได้อย่างไร
อัพเดทล่าสุด: 17 พ.ค. 2025
439 ผู้เข้าชม
HS CODE คืออะไร?
HS CODE ย่อมาจาก Harmonized System Code เป็นระบบรหัสมาตรฐานสากลสำหรับการจัดประเภทสินค้าในทางศุลกากร พัฒนาโดย องค์การศุลกากรโลก (World Customs Organization: WCO) เพื่อให้ทุกประเทศใช้โครงสร้างเดียวกันในการจำแนกสินค้า
โดยทั่วไป HS CODE จะมี 6 หลักแรกที่เป็นมาตรฐานสากล ใช้ร่วมกันทั่วโลก และบางประเทศ (รวมถึงประเทศไทย) จะมีการขยายเป็น 8 หรือ 10 หลัก เพื่อให้จำแนกสินค้าได้ละเอียดขึ้น เช่น:
เพราะ HS CODE มีผลต่อ:
เว็บไซต์: https://customs.go.th
เข้าไปที่เมนู "พิกัดอัตราศุลกากร" หรือใช้ระบบ TARADIS (ระบบค้นหาพิกัดสินค้า) เพื่อค้นหา HS CODE ด้วยคำค้นภาษาไทยหรืออังกฤษ
2. ใช้ระบบ Lookup ของกรมการค้าต่างประเทศ
เว็บไซต์: https://www.dft.go.th
สามารถใช้เพื่อค้นหา HS CODE พร้อมดูข้อมูลการอนุญาต นำเข้า/ส่งออก ได้ด้วย
3. สอบถามจาก Shipping หรือ Freight Forwarder
บริษัทขนส่งระหว่างประเทศ หรือชิปปิ้งที่คุณใช้งานมักมีประสบการณ์ตรงและสามารถช่วยแนะนำ HS CODE ที่เหมาะสมให้คุณได้
4. ปรึกษาศุลกากรโดยตรง
หากไม่มั่นใจเลย ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อสอบถาม หรือยื่นคำขอ พิจารณาวินิจฉัยพิกัดอัตราศุลกากรล่วงหน้า (Binding Tariff Information) เพื่อความชัดเจน
5. ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ระดับโลก
เช่น:
https://www.hs-codes.com
https://www.trademap.org
https://www.exportgenius.in
(แนะนำสำหรับผู้ที่ค้าขายระหว่างประเทศและต้องการดู HS CODE จากหลายประเทศ)
สรุป
HS CODE คือรหัสมาตรฐานสากลที่ใช้จำแนกสินค้าเพื่อวัตถุประสงค์ทางศุลกากร หากคุณค้าขายหรือนำเข้าสินค้า การรู้จักและใช้ HS CODE อย่างถูกต้องคือเรื่องจำเป็น เพราะมันมีผลต่อภาษี กฎหมาย และการขนส่งโดยตรง
HS CODE ย่อมาจาก Harmonized System Code เป็นระบบรหัสมาตรฐานสากลสำหรับการจัดประเภทสินค้าในทางศุลกากร พัฒนาโดย องค์การศุลกากรโลก (World Customs Organization: WCO) เพื่อให้ทุกประเทศใช้โครงสร้างเดียวกันในการจำแนกสินค้า
โดยทั่วไป HS CODE จะมี 6 หลักแรกที่เป็นมาตรฐานสากล ใช้ร่วมกันทั่วโลก และบางประเทศ (รวมถึงประเทศไทย) จะมีการขยายเป็น 8 หรือ 10 หลัก เพื่อให้จำแนกสินค้าได้ละเอียดขึ้น เช่น:
- 6 หลักแรก = มาตรฐานโลก
- 8 หลัก = ตามประกาศพิกัดศุลกากรไทย
- 10 หลัก = ใช้ในการทำใบขนสินค้า
- HS CODE 0901.21.00.00
สินค้า: กาแฟคั่วที่ไม่ผสมอะไรเพิ่มเติม
เพราะ HS CODE มีผลต่อ:
- อัตราภาษีนำเข้า-ส่งออก
- มาตรการทางการค้า เช่น ใบอนุญาต, การควบคุมสินค้า
- สถิติการค้าระหว่างประเทศ
- ต้องจ่ายภาษีผิด
- สินค้าถูกอายัดหรือตีกลับ
- เกิดปัญหาทางกฎหมาย
ดังนั้น การเข้าใจและเลือก HS CODE ให้ถูกต้องจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการทุกคน
จะสามารถหา HS CODE ได้อย่างไร?
การหาหมายเลข HS CODE ที่ถูกต้องมีหลายวิธีดังนี้:
เว็บไซต์: https://customs.go.th
เข้าไปที่เมนู "พิกัดอัตราศุลกากร" หรือใช้ระบบ TARADIS (ระบบค้นหาพิกัดสินค้า) เพื่อค้นหา HS CODE ด้วยคำค้นภาษาไทยหรืออังกฤษ
2. ใช้ระบบ Lookup ของกรมการค้าต่างประเทศ
เว็บไซต์: https://www.dft.go.th
สามารถใช้เพื่อค้นหา HS CODE พร้อมดูข้อมูลการอนุญาต นำเข้า/ส่งออก ได้ด้วย
3. สอบถามจาก Shipping หรือ Freight Forwarder
บริษัทขนส่งระหว่างประเทศ หรือชิปปิ้งที่คุณใช้งานมักมีประสบการณ์ตรงและสามารถช่วยแนะนำ HS CODE ที่เหมาะสมให้คุณได้
4. ปรึกษาศุลกากรโดยตรง
หากไม่มั่นใจเลย ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อสอบถาม หรือยื่นคำขอ พิจารณาวินิจฉัยพิกัดอัตราศุลกากรล่วงหน้า (Binding Tariff Information) เพื่อความชัดเจน
5. ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ระดับโลก
เช่น:
https://www.hs-codes.com
https://www.trademap.org
https://www.exportgenius.in
(แนะนำสำหรับผู้ที่ค้าขายระหว่างประเทศและต้องการดู HS CODE จากหลายประเทศ)
สรุป
HS CODE คือรหัสมาตรฐานสากลที่ใช้จำแนกสินค้าเพื่อวัตถุประสงค์ทางศุลกากร หากคุณค้าขายหรือนำเข้าสินค้า การรู้จักและใช้ HS CODE อย่างถูกต้องคือเรื่องจำเป็น เพราะมันมีผลต่อภาษี กฎหมาย และการขนส่งโดยตรง
- Tip: เริ่มต้นด้วยการค้นหาผ่านเว็บไซต์ของกรมศุลกากร หากยังไม่มั่นใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนยื่นเอกสารนำเข้า-ส่งออก
บทความที่เกี่ยวข้อง
ถ้า การส่งของไปหาลูกค้า (Forward Logistics) คือเส้นทางหลักที่ทุกคนให้ความสำคัญการรับของกลับ (Reverse Logistics) คือเส้นทางที่ยากกว่า ซับซ้อนกว่า และแพงกว่า แต่ถ้าแบรนด์ทำได้ดี จะกลายเป็น จุดแข็งที่สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า ได้ทันที
16 ส.ค. 2025
ถ้าเปรียบ โลจิสติกส์ เป็นเส้นทางการวิ่งผลัด “ไม้สุดท้าย” คือไม้ที่ตัดสินชัยชนะได้เสมอ สำหรับธุรกิจขนส่งก็เช่นกัน… Last Mile Delivery หรือ “การส่งในช่วงสุดท้าย” คือการขนส่งจาก ศูนย์กระจายสินค้า → ไปยังมือผู้รับปลายทาง ซึ่งมักจะเป็นบ้านของลูกค้า หรือร้านค้ารายย่อย
16 ส.ค. 2025
หุ่นยนต์ AGV (Automated Guided Vehicle) และ AMR (Autonomous Mobile Robot) หลายคนอาจสงสัยว่า มันแตกต่างจากการใช้ สายพาน (Conveyor Belt) ที่เราเห็นในคลังสินค้าดั้งเดิมอย่างไร บทความนี้จะพาคุณมามองลึก ๆ ว่า ทำไมบริษัทใหญ่ ๆ ถึงหันมาใช้หุ่นยนต์แทนระบบสายพานแบบเก่า
16 ส.ค. 2025