Experiential Positioning การสร้าง "ประสบการณ์" ที่น่าจดจำให้กับลูกค้า
อัพเดทล่าสุด: 7 มี.ค. 2025
526 ผู้เข้าชม

Experiential Positioning การสร้าง "ประสบการณ์" ที่น่าจดจำให้กับลูกค้า
Experiential Positioning คือ การวางตำแหน่งทางการตลาดโดยเน้นการสร้าง "ประสบการณ์" ที่น่าจดจำและมีเอกลักษณ์ให้กับลูกค้า เพื่อให้แบรนด์หรือผลิตภัณฑ์เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าในฐานะส่วนหนึ่งของประสบการณ์นั้นๆ
หลักการสำคัญของ Experiential Positioning
- เน้นประสบการณ์ไม่ใช่แค่คุณสมบัติ: ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับมากกว่าการเน้นแค่คุณสมบัติของสินค้าหรือบริการ
- สร้างความรู้สึกร่วม: สร้างประสบการณ์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์
- สร้างความทรงจำ: สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและแตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ในระยะยาว
- ใช้ประสาทสัมผัส: กระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของลูกค้า (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ
- สร้างเรื่องราว: สร้างเรื่องราวที่น่าสนใจและเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของลูกค้า
ตัวอย่างของ Experiential Positioning
- ร้านกาแฟ: ไม่ใช่แค่ขายกาแฟ แต่ขายประสบการณ์การพักผ่อนในบรรยากาศสบายๆ พร้อมกลิ่นหอมของกาแฟและเสียงเพลงเบาๆ
- โรงแรม: ไม่ใช่แค่ห้องพัก แต่ขายประสบการณ์การพักผ่อนที่หรูหรา พร้อมบริการที่เป็นเลิศและกิจกรรมที่น่าสนใจ
- สวนสนุก: ไม่ใช่แค่เครื่องเล่น แต่ขายประสบการณ์ความสนุกสนานและความตื่นเต้นที่ทั้งครอบครัวสามารถร่วมกันได้
- Apple Store: ไม่ใช่แค่ร้านขายสินค้า แต่ขายประสบการณ์การได้สัมผัสและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ในบรรยากาศที่ทันสมัยและเป็นกันเอง
ประโยชน์ของ Experiential Positioning
- สร้างความแตกต่าง: ช่วยให้แบรนด์สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยการสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
- สร้างความภักดีต่อแบรนด์: เมื่อลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี พวกเขาจะมีความภักดีต่อแบรนด์มากขึ้น
- เพิ่มมูลค่าแบรนด์: ประสบการณ์ที่ดีช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์และทำให้ลูกค้าพร้อมที่จะจ่ายมากขึ้น
- สร้างการบอกต่อ: ลูกค้าที่ได้รับประสบการณ์ที่ดีมักจะบอกต่อให้ผู้อื่นได้รับรู้
Experiential Positioning เป็นกลยุทธ์ที่ทรงพลังในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า การสร้างประสบการณ์ที่ดีและน่าจดจำจะทำให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
"Marketing หา Lead มาให้ แต่ Sales ไม่เคยตาม!" "Sales บอก Lead ที่ได้มาห่วยแตก ปิดการขายไม่ได้!"
เสียงบ่นเหล่านี้คือสัญญาณคลาสสิกของ "สงครามเงียบ" ระหว่างทีม Sales และ Marketing ที่เกิดขึ้นในหลายองค์กร ปัญหานี้ไม่ได้ทำให้แค่เสียบรรยากาศในการทำงาน แต่ยังหมายถึง "โอกาสทางธุรกิจ" และ "รายได้" ที่หลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย
7 พ.ย. 2025
"ทีมการตลาดหา Lead มาไม่ดีเลย ลูกค้าไม่เห็นสนใจจริงสักคน!" "ทีมขายนั่นแหละ ไม่ยอมตาม Lead ที่ส่งไปให้ มัวแต่ทำอะไรอยู่!"
บทสนทนาแนวนี้คือ "สงครามคลาสสิก" ที่เกิดขึ้นในหลายองค์กร จนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ความจริงแล้ว... นี่คือปัญหาใหญ่ที่กำลังกัดกินศักยภาพการเติบโตของบริษัทคุณอยู่
ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันสูง การที่สองแผนกสำคัญที่สุดในการสร้างรายได้ (การตลาดและทีมขาย) ไม่คุยกัน หรือทำงานขัดแข้งขัดขากันเอง คือการสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างมหาศาล
วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ "Smarketing" (Sales + Marketing) กาวใจชั้นดีที่จะมาสลายกำแพงนี้ และผนึกกำลังทั้งสองทีมให้กลายเป็นหน่วยรบที่แข็งแกร่งที่สุด โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ "ยอดขาย" ที่พุ่งทะยาน
6 พ.ย. 2025
Pomelli โดย Google — ตัวช่วย AI ทำการตลาด สร้างคอนเทนต์ง่าย ๆ ใน 3 ขั้นตอน
4 พ.ย. 2025
BANKKUNG

Contact Center


พี่ปี