แชร์

ทำไมต้องหนาและหนัก เรื่องน่ารู้ของประตูหนีไฟ และมาตรฐาน

noimageauthor นักศึกษาฝึกงาน(คลัง)
อัพเดทล่าสุด: 24 ธ.ค. 2024
965 ผู้เข้าชม
ความสำคัญของประตูหนีไฟ
 เพราะความปลอดภัยของผู้ที่อาศัยอยู่ภายในอาคารควรถูกจัดไว้เป็นอันดับแรก ๆ ในการออกแบบอาคาร ทำให้เราต้องเตรียมพร้อมกับอันตรายทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ภายในอาคารของเรา และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้บ่อยอันดับต้น ๆ ก็คืออัคคีภัย ปัจจัยที่สามารถก่อให้เกิดอัคคีภัยได้นั้นสามารถเกิดได้จากหลาย ๆ สาเหตุอย่างเช่น การเกิดไฟฟ้าลัดวงจร เครื่องใช้ไฟฟ้าขัดข้อง เกิดประกายไฟที่ใกล้แหล่งเชื้อเพลิง การจะอพยพผู้คนในสถานการณ์อัคคีภัยตามช่องทางประตูปกติอาจเกิดปัญหาได้อย่างประตูอัตโนมัติไม่ทำงาน เนื่องจากระบบไฟฟ้าขัดข้อง ประตูกระจกไม่สามารถเปิดได้เพราะแรงดันอากาศ จึงจำเป็นต้องมีประตูเหล็กทนไฟ หรือประตูหนีไฟที่นำไปสู่ทางหนีไฟที่ได้รับมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ประตูเหล็กทนไฟ หรือประตูหนีไฟนี้เองจึงมีความสำคัญในการป้องกันทั้งไฟและควันไม่ให้เล็ดลอดเข้าสู่ทางเดินหนีไฟ หรืออาจรวมไปถึงหลบหนีจากสถานการณ์อื่น ๆ ทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในอาคารสามารถอพยพออกจากตัวอาคารได้อย่างปลอดภัย
 
ทำไมประตูหนีไฟถึงต้องหนาและหนัก
   ประตูเหล็กทนไฟ หรือประตูหนีไฟนั้นจำเป็นต้องมีคุณสมบัติที่สามารถทนความร้อนได้สูง ในกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้อัคคีภัย ภายในบานประตูหนีไฟจึงมักจะบุด้วยวัสดุที่เป็นฉนวนทนไฟ ค่าการนำความร้อนต่ำเพื่อไม่ให้เกิดความร้อนในกรณีที่เราต้องใช้งานตัวประตูหนีไฟ ฉนวนที่นิยมใช้ในการบุภายในประตูเหล็กทนไฟ หรือประตูหนีไฟจึงนิยมใช้ Rockwool หรืออีกชื่อหนึ่งคือฉนวนใยหิน ซึ่งสามารถทนความร้อนได้สูงถึง 1,000 องศาเซลเซียส ตัววัสดุที่ทำประตูเหล็กทนไฟ หรือประตูหนีไฟเองก็ต้องทำจากวัสดุไม่ติดไฟและไม่ลามไฟ เพื่อความปลอดภัยส่วนประกอบภายนอกของประตูหนีไฟจึงทำจากวัสดุอย่างแผ่นเหล็ก เพื่อคงความแข็งแรงของประตูเอาไว้ไม่ให้เสียรูปทรงจากความร้อน เมื่อรวมส่วนประกอบทั้งหมดเข้าด้วยกันประตูเหล็กทนไฟ หรือประตูหนีไฟจึงจำเป็นต้องมีความหนาและหนัก เพื่อให้ประตูหนีไฟสามารถป้องกันไฟและควันไฟไม่ให้เล็ดลอดผ่านเข้าไปในทางเดินหนีไฟได้
 
ขนาดของประตูหนีไฟที่เหมาะสม
  การอพยพผู้คนในกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ผ่านจำเป็นต้องผ่านด่านแรกในทุก ๆ ชั้นของอาคารนั้นก็คือประตูเหล็กทนไฟ หรือประตูหนีไฟ และขนาดของประตูหนีไฟนี้เองก็สำคัญไม่แพ้กัน ขนาดที่เหมาะสมเมื่อเปรียบเทียบกับกฎหมายที่ว่าด้วยขนาดของประตูหนีไฟที่มีอยู่หลายฉบับ ซึ่งระบุแตกต่างกันออกไป แต่ขนาดที่เหมาะสมเมื่อเปรียบเทียบแล้วนั่นก็คือประตูเหล็กทนไฟ หรือประตูหนีไฟควรมีขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 90 เซนติเมตร และสูงไม่น้อยกว่า 2 เมตร ซึ่งเป็นขนาดขั้นต่ำที่กฎหมายได้กำหนดเอาไว้ แต่การเลือกขนาดของประตูหนีไฟ ควรพิจารณาถึงรูปแบบอาคารด้วยว่ามีเส้นทางหนีไฟทั้งหมดกี่เส้นทางภายในพื้นที่ และจะมีจำนวนคนที่ต้องการให้อพยพออกจากตัวอาคารอย่างปลอดภัยจำนวนกี่คน ในกรณีที่ประตูกว้าง 90 เซนติเมตรและสูง 2 เมตรที่ตามกฎหมายระบุนั้นจะสามารถรองรับการอพยพของผู้คนภายในอาคารให้ออกจากพื้นที่ประมาณ 180 คน ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่มีตามท้องตลาดทั่วไป แต่ถ้าอาคารมีเส้นทางในการอพยพที่น้อย และจำนวนผู้ที่ต้องอพยพออกจากอาคารที่เยอะ การเลือกขนาดของประตูหนีไฟที่กว้างและสูงกว่านี้ก็เหมาะสมในการพิจารณาเลือกขนาดของประตูเหล็กทนไฟ หรือประตูหนีไฟ
 
มาตรฐานของประตูหนีไฟ
  โดยสรุปแล้วประตูเหล็กทนไฟ หรือประตูหนีไฟที่ได้รับมาตรฐานนั้นควรมีขนาดความกว้างที่เหมาะสมต่อการอพยพของผู้คนภายในอาคารนั่นก็คือความกว้างขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 90 เซนติเมตร และความสูงขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 2 เมตรตามที่กฎหมายระบุ และตัวประตูหนีไฟเองจำเป็นต้องมีคุณสมบัติทนไฟ ไม่สูญเสียรูปทรงเมื่อเจอความร้อนสูง ไม่นำความร้อนสูงจนเกินไป และภายในประตูเหล็กทนไฟ หรือประตูหนีไฟจำเป็นต้องบุด้วยฉนวนทนไฟทั่วทั้งบาน ซึ่งฉนวนทนไฟที่เหมาะสมนั่นก็คือ Rockwool หรือ ฉนวนใยหินที่สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 1000 องศาเซลเซียส อัตราการทนไฟของประตูหนีไฟต้องไม่น้อยกว่าอัตราการทนไฟของผนังที่ประตูทนไฟติดตั้ง และทนไฟไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ส่วนประกอบของประตูที่เป็น วงกบ บานพับ อุปกรณ์ล็อกและอุปกรณ์ดึงปิดประตู มีความจำเป็นต้องเป็นวัสดุไม่ติดไฟมีช่องว่างระหว่างขอบประตูกับพื้นไม่มากเกินกว่า 5 มิลลิเมตร ในกรณีไม่มีธรณีประตู ทิศทางการติดตั้งประตูเหล็กทนไฟ หรือประตูหนีไฟต้องสามารถผลักไปในทิศทางการหนีไฟไปสู่ทางหนีไฟ โดยเปิดกว้างได้ไม่น้อยกว่า 90 องศา โดยที่ไม่กีดขวางเส้นทางอพยพ และสามารถปิดได้เองอัตโนมัติ ความกว้างของบาร์ผลัก (Panic Hardware) จำเป็นต้องมีขนาดไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของความกว้างของบานประตู โดยติดตั้งที่ระดับไม่ต่ำกว่า 80 ถึง 120 โดยวัดจากระดับพื้น
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
BY : Jim
ที่มา : https://shorturl.asia/N7Bic

บทความที่เกี่ยวข้อง
5 ส. ในคลังสินค้า: เปลี่ยนโกดังที่รกรุงรัง ให้กลายเป็นพื้นที่ทำงานสุดโปร่ง ลดเวลาหาของได้กว่า 50%
โกดังรก หาของไม่เจอ ของหายสาบสูญ? แก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยหลักการ "5 ส." ที่จะช่วยเปลี่ยนคลังสินค้าของคุณให้เป็นระเบียบ ลดอุบัติเหตุ และลดเวลาหยิบสินค้าได้จริงกว่า 50% เหมือนมาตรฐานที่ BS Express เลือกใช้
ผึ้ง เด็กฝึกงาน
13 ธ.ค. 2025
Cross-Docking อัจฉริยะ: ส่งของใหญ่ข้ามจังหวัดแบบไม่ต้องสต็อกของ ด้วยการถ่ายลำสินค้าที่แม่นยำระดับนาที
จะจ่ายค่าเช่าโกดังไปทำไม? ในเมื่อของขายได้ทันทีที่มาถึง สำหรับธุรกิจที่ขายสินค้าชิ้นใหญ่ (Bulky Items) เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออะไหล่ยนต์ "พื้นที่จัดเก็บ" คือต้นทุนมหาศาล ยิ่งของชิ้นใหญ่ ยิ่งกินที่ ยิ่งเปลืองค่าเช่าโกดัง และยิ่งของค้างนาน เงินทุนก็ยิ่งจม (Dead Stock) แต่ในยุค Logistics 5.0 เรามีโมเดลการขนส่งที่ฉลาดกว่านั้น นั่นคือ "Cross-Docking (การถ่ายลำสินค้า)" โมเดลที่ทำให้สินค้าของคุณเดินทางจากโรงงานผู้ผลิต เปลี่ยนรถที่ศูนย์กระจายสินค้า และวิ่งตรงไปหาลูกค้าปลายทางทันทีโดย "ไม่ต้องพักค้างคืนในโกดัง" ฟังดูเหมือนง่าย แต่หัวใจสำคัญที่จะทำให้ Cross-Docking สำเร็จได้ คือ "ความแม่นยำ" และนี่คือที่มาของ Cross-Docking อัจฉริยะ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จาก BS Group ครับ
ลูกดิว เด็กฝึกงาน
13 ธ.ค. 2025
วิธีเลือกชั้นวางสินค้า (Racking) ให้เหมาะกับสินค้า
การเลือกชั้นวางสินค้าในคลัง (Racking System) เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมีผลต่อความปลอดภัย พื้นที่จัดเก็บ และความเร็วในการทำงานของคลังสินค้าโดยตรง
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
12 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ