แชร์

วิธีดึงดูดใจนักช็อปปิ้ง Generation Me

อัพเดทล่าสุด: 11 ต.ค. 2024
660 ผู้เข้าชม

    สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจก่อนก็คือ Gen Me เป็นการรวมตัวกันของ 3 Generation เข้าด้วยกัน ได้แก่ Gen X , Gen Y และ Gen Z ดังนั้น Gen Me จึงไม่ได้ถูกแบ่งด้วยอายุของประชากรในแต่ละช่วง และในขณะเดียวกัน Gen Me ก็จัดว่าเป็นกลุ่มคนที่สนใจในเรื่องเทคโนโลยี ชอบอัพเดท แชร์เรื่องราวบนโลกออนไลน์ ให้ความสำคัญกับตัวเอง แต่ไม่ได้แปลว่าต้องยึดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางเสมอไป ชื่นชอบความบันเทิง มีความเป็นอิสระ และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง

    Gen Me จึงเป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจ และเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เจ้าของธุรกิจต้องทำการบ้านหนักขึ้นในการหาแนวทางหรือกลยุทธ์ดึงดูดใจเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้อยู่หมัด ไม่ว่าจะเป็นสร้างความน่าตื่นเต้นเมื่อได้มาซื้อผลิตภัณฑ์หรือมอบประสบการณ์ใหม่ล่าสุดให้กับผู้บริโภค และต่อไปนี้คือ แนวทางในการปรับเปลี่ยนและพัฒนาร้านค้าเพื่อดึงดูดใจนักช็อปปิ้งกลุ่ม Gen Me

ใช้สมาร์ทโฟนเป็นหลัก 

    คือผู้บริโภคกลุ่ม Gen Me มากกว่าร้อยละ 85 ใช้โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟน พวกเขาหาข้อมูลสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเว็บไซต์ของร้านค้าออนไลน์หรือดูรีวิว ทั้งหมดนี้ต้องเข้าถึงสะดวก มีความรวดเร็วในการโหลด และมีระบบการทำงานได้ดีบนหน้าจอสมาร์ทโฟน

เนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นมา 

    ส่วนใหญ่มาจากบทวิจารณ์ของผู้บริโภค รวมทั้งรูปถ่าย และวิดีโอที่ทางผู้บริโภคส่งมาให้กับร้านค้า บางที Gen Me มักจะฟังจากเพื่อนเป็นส่วนใหญ่ เป็นการบอกปากต่อปาก และสำหรับเขาเหล่านี้มีความเต็มใจในการแชร์บนโลกออนไลน์บนช่องทางสำคัญๆ และปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ต่างๆ หากร้านค้าออนไลน์สามารถนำเสนอตรงตามความต้องการ เชื่อได้อย่างหนึ่งว่ากลุ่มเป้าหมายอย่าง Gen Me จะช่วยช่วยประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นั้นๆ

ช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วม

    ด้วยเครือข่ายสังคมออนไลน์ ที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือแสดงความคิดเห็นบนหน้าร้านค้าออนไลน์ จึงทำให้ทางแบรนด์หรือร้านค้าออนไลน์ นำเอาจุดเด่นและจุดด้อยจากคำวิจารณ์เหล่านั้น นำกลับมาพัฒนา ปรับปรุง สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวผลิตภัณฑ์และกลายเป็นที่จดจำได้ในที่สุด เมื่อคำวิจารณ์หรือ Feedback ตอบกลับเหล่านี้ สามารถแชร์บนแพลตฟอร์มต่างๆ ได้กว้างมากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลไปยังแพลตฟอร์มที่หลากหลาย

ชอบข้อเสนอพิเศษ 

    คนกลุ่มนี้มักจะมองหามูลค่าของสินค้าและคุณค่าที่จะได้รับจากผลิตภัณฑ์รวมถึงบริการนั้นๆ จากร้านค้า

มีความโปร่งใส 

    Gen Me ให้ความสำคัญกับเรื่องของความโปร่งใสในทุกระดับ มีความคาดหวังว่าแบรนด์หรือร้านค้าต้องมีความชัดเจนในการจัดการและดำเนินงาน ทั้งภายในและภายนอก โดยทางแบรนด์หรือร้านค้าต้องมีความรับผิดชอบและคำชี้แจงอย่างชัดเจน เมื่อเกิดข้อผิดพลาด รวมทั้งมีแนวทางในการป้องกันในอนาคตไว้อย่างไร

ใช้ภาพถ่ายเป็นตัวเอกในการสื่อสาร

    ยกตัวอย่างแบรนด์อันดับหนึ่งที่เป็นความต้องการของ Gen Me เช่น แบรนด์ Apple สำหรับการซื้อผลิตภัณฑ์ในรูปแบบทางกายภาพนั้น ไม่สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้บริโภคโดยส่วนใหญ่ ดังนั้น Apple จึงต้องมอบประสบการ์ณในการใช้งานผลิตภัณฑ์ทางออนไลน์ให้ดูน่าสนใจ นั่นก็คือการเลือกใช้ภาพถ่าย เป็นตัวกลางในการสื่อสารออกมาได้อย่างทรงพลัง ขณะเดียวกันเว็บไซต์ของ Apple ยังมีรายละเอียดที่เป็นสื่อวีดิโอและรูปภาพควบคู่กัน

 ใช้โมลเดลให้เหมาะสมหรือภาพถ่ายที่ดูเป็นธรรมชาติ

     มันเป็นเรื่องยากที่จะให้กำหนดกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ไปยังประชากรที่มีอายุน้อยกว่า ในกรณีที่โมเดลที่กำลังสื่อสารออกนั้นมีอายุมากกว่า เพราะฉะนั้นการใช้โมเดลหรือสื่อที่ดูเป็นกลางๆ จะทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่าและหลากหลายกว่า อีกทั้งเป็นการช่วยลดช่องว่างทางความคิดเฉพาะช่วงอายุได้มากขึ้น

5 คาแรคเตอร์ที่น่าสนใจของผู้บริโภคมีอะไรบ้าง

Altruism กลุ่มที่ชอบช่วยเหลือผู้คน สังคม มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และมองทุกอย่างเป็นความเท่าเทียม ความน่าสนใจอยู่ตรงที่วิธีการเลือกซื้อสินค้าก็คือ เลือกสินค้าหรือแม้แต่แพ็คเกจที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ และต้องไม่เอาเปรียบกลุ่มแรงงานบางกลุ่ม เช่น แรงงานเด็ก แรงงานผู้หญิง

Emotional Control  กลุ่มที่สามารถจัดการกับอารมณ์ได้ดี ไม่จมกับความเศร้า และชอบบรรเทาความเครียด ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องการจัดการความรู้สึก สมมุติซื้อของมาไม่ตรงปกคนกลุ่มนี้เลือกที่จะระบายกับคนใกล้ตัวมากกว่าประจาน นอกจากนี้ ยังมีความสนใจในสินค้าและบริการที่สร้างมูลค่าทางใจได้ หรือช่วยเรื่องคลายความเครียดได้ดี รวมไปถึงดีไซน์ต่างๆ ที่มีความมินิมอล อิงกับธรรมชาติสูง

Future Oriented  มั่นคง มั่งคั่ง และชอบความยั่งยืน พูดง่ายๆ ก็คือ คนกลุ่มนี้จะชอบที่จะพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ชอบความก้าวหน้า ดังนั้น สินค้าหรือบริการต่างๆ ที่เกี่ยวกับพวกหลักสูตร, คอร์สเรียนต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มความรู้หรือพัฒนาตัวเองจะอยู่ในความสนใจของคนกลุ่มนี้ รวมไปถึงธุรกิจด้านการลงทุน การออมเงิน การเพิ่มความมั่งคั่ง และการดูแลตัวเอง

Confidence  เฉิดฉาย โดดเด่น เชื่อในความคิดเห็นของตัวเอง โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้ชอบที่จะติดตาม influencers, KOLs, บุคคลที่ชอบรีวิวสินค้าต่างๆ พวกเขามีความเชื่อในความคิดที่ว่า ดีต้องบอกต่อ ดังนั้น ผู้บริโภคกลุ่มนี้จะชอบแนะนำเพื่อนๆ หรือคนในสังคมเดียวกัน ทั้งยังชอบสินค้าหรือบริการที่ใช้แล้วจะช่วยเรื่องความมั่นใจ และสร้างความโดดเด่นให้ตัวเองได้มากขึ้น

Identity This is me ฉันนี้เหมือนใคร ความแตกต่างทุกอย่างไม่ว่าจะดีไซน์ การตกแต่ง ฟังก์ชั่นใช้งาน กิจกรรม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้คือ ไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนใคร และพวกเขาชอบเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวเองให้ได้มากที่สุด ดังนั้น สินค้าหรือบริการที่ส่งเสริมเรื่องความแตกต่างจะดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนนี้ก่อนเสมอ

 

 

 

BY : NUN 

ที่มา : shippingyou.com/1688-กับ-9-วิธีดึงดูดใจนักช็อ/


บทความที่เกี่ยวข้อง
Hyper-Personalized Delivery: มัดใจลูกค้าด้วยการขนส่งที่ "รู้ใจ" และ "เลือกได้"
จบปัญหา "มาส่งตอนไม่อยู่" สู่ยุคที่ "ลูกค้าเป็นคนคุมเกม" เคยไหมครับ? สั่งของไปแล้วต้องมานั่งลุ้นว่าขนส่งจะโทรมาตอนไหน พอโทรมาก็ดันติดประชุม หรือพอของมาถึงก็ไม่มีคนอยู่บ้านจนต้องตีของกลับ... นี่คือ Pain Point คลาสสิกที่ทำลายประสบการณ์การซื้อของออนไลน์มานานนับสิบปี แต่ในปี 2025 ยุคที่ "ลูกค้าคือพระเจ้า" อย่างแท้จริง การขนส่งแบบเดิมที่กำหนดเวลาตายตัว (8.00 - 17.00 น.) กำลังจะตายไป และถูกแทนที่ด้วยเทรนด์ใหม่ที่เรียกว่า "Hyper-Personalized Delivery" หรือ การขนส่งแบบรู้ใจเฉพาะบุคคล วันนี้ BS Group จะพาคุณไปดูว่า เมื่อการตลาดและโลจิสติกส์มาเจอกัน มันจะเปลี่ยนการส่งของธรรมดา ให้กลายเป็น "บริการที่ลูกค้ารัก" ได้อย่างไร?
ลูกดิว เด็กฝึกงาน
17 ธ.ค. 2025
The Unboxing Experience: สร้างความประทับใจแรกพบ เมื่อ "กล่องพัสดุ" คือเซลส์แมนคนสุดท้าย
ในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติ หลายแบรนด์ทุ่มงบประมาณมหาศาลไปกับการยิงโฆษณา การทำคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย หรือการจ้างอินฟลูเอนเซอร์เพื่อดึงลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์ แต่มีจุดหนึ่งที่หลายคนมักมองข้าม—จุดที่สำคัญที่สุดเมื่อสินค้าเดินทางไปถึงมือลูกค้า นั่นคือ "วินาทีแห่งการแกะกล่อง" (The Unboxing Experience) ทำไมกล่องพัสดุธรรมดาๆ ถึงถูกเปรียบเปรยว่าเป็น "เซลส์แมนคนสุดท้าย" และเราจะเปลี่ยนกล่องกระดาษสีน้ำตาลให้กลายเป็นเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลังได้อย่างไร? มาหาคำตอบกันครับ
ร่วมมือ.jpg Contact Center
13 ธ.ค. 2025
FOMO Marketing: ศิลปะการกระตุ้นความ "เสียดาย" ให้กลายเป็น "ยอดขาย" แบบเนียน ๆ (ไม่ยัดเยียด)
เคยไหม? ที่คุณไม่ได้ตั้งใจจะซื้อของชิ้นนั้น แต่พอเห็นป้าย "เหลือ 2 ชิ้นสุดท้าย" หรือเพื่อนในโซเชียลเริ่มแชร์กันเต็มหน้าฟีด จู่ๆ มือของคุณก็กดสั่งซื้อไปโดยอัตโนมัติ... นี่คือกำลังของ FOMO (Fear of Missing Out) หรือ "ความกลัวที่จะตกขบวน" ในโลกการตลาด FOMO คืออาวุธที่ทรงพลังมาก แต่ถ้าใช้ไม่เป็น มันจะกลายเป็น "ดาบสองคม" ที่ทำให้แบรนด์ดูน่ารำคาญและยัดเยียดทันที วันนี้เราจะมาเจาะลึกเทคนิคการใช้ FOMO Marketing ให้ดู Classy ดูแพง และกระตุ้นลูกค้าได้แบบแยบยลครับ
ร่วมมือ.jpg Contact Center
10 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ