แชร์

วิธีเลือกชั้นวางสินค้า (Racking) ให้เหมาะกับสินค้า

S__2711596.jpg BS&DC SAI5
อัพเดทล่าสุด: 12 ธ.ค. 2025
54 ผู้เข้าชม
การเลือกชั้นวางสินค้าในคลัง (Racking System) เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมีผลต่อความปลอดภัย พื้นที่จัดเก็บ และความเร็วในการทำงานของคลังสินค้าโดยตรง หากเลือกไม่เหมาะสม อาจเกิดปัญหาสินค้าเสียหาย เดินงานล่าช้า หรือใช้พื้นที่ไม่คุ้มค่าได้
ต่อไปนี้คือวิธีเลือกชั้นวางสินค้าแบบเข้าใจง่ายๆ ที่ทุกธุรกิจใช้ได้จริง

1. ดู "ลักษณะสินค้า" เป็นหลัก
ก่อนเลือกชั้นวาง คุณต้องรู้ว่าสินค้าแบบไหนที่ต้องเก็บ
  • หนักมาก เช่น ชิ้นส่วนเครื่องจักร  ควรใช้ Selective Racking, Drive-in, หรือชั้นวางเหล็กที่รองรับน้ำหนักสูง
  • เบาหรือชิ้นเล็ก เช่น กล่องยา, เครื่องเขียน  ใช้ Longspan Rack หรือ Boltless Shelf ก็พอ
  • สินค้าพาเลท (Palletized)  ใช้ Pallet Rack เป็นมาตรฐาน
  • สินค้าที่ยาว เช่น ท่อต่างๆ  ใช้ Cantilever Rack
  • สินค้าความสูงต่างกันเยอะ  ใช้ชั้นวางที่ปรับระดับได้
ยิ่งรู้ลักษณะสินค้าแม่น การเลือกก็ง่ายขึ้น

2. ดู "น้ำหนักต่อชั้น" และ "น้ำหนักรวม"
จำนวนกิโลกรัมต่อชั้นเป็นตัวกำหนดเลยว่า ชั้นวางแบบไหนเหมาะ
  • ถ้าเก็บพาเลทหนักเกิน 800 - 1500 kg/พาเลท  ต้องใช้ Heavy Duty Pallet Rack
  • ถ้าเก็บสินค้าเบาน้ำหนักประมาณ 100 - 300 kg/ชั้น  Medium Duty Shelf ก็พอ
การประเมินน้ำหนักผิดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้โครงสร้างชั้นวางบิดหรือพังได้ ควรเลือกแบบที่รองรับได้มากกว่าน้ำหนักจริงอย่างน้อย 20%

3. ดู "พื้นที่คลัง" และทางเดิน
พื้นที่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในการวางแผน
  • พื้นที่แคบ  ใช้ Narrow Aisle Racking (VNA)
  • อยากประหยัดทางเดิน  Drive-in/Drive-thru Rack
  • คลังเพดานสูง  ใช้ชั้นวางสูงหลายชั้นเพื่อคุ้มค่าพื้นที่แนวดิ่ง
ก่อนเลือกควรดูรถยกที่ใช้งานด้วย รถยกแต่ละแบบต้องการความกว้างทางเดินไม่เท่ากัน

4. ดู "รอบการหมุนสินค้า" (Fast-moving / Slow-moving)

  • สินค้าเคลื่อนไหวเร็ว (Fast-moving)  ควรใช้ Selective Pallet Rack เพราะหยิบง่าย เข้าถึงทุกพาเลท
  • สินค้าเคลื่อนไหวช้า (Slow-moving)  ใช้ชั้นวางที่แน่นขึ้นได้ เช่น Drive-in Rack เพื่อประหยัดพื้นที่
ถ้าสินค้าต้องหมุนเข้า - ออกแบบเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) หรือเข้าหลังออกก่อน (LIFO) ก็มีผลต่อการเลือกด้วย เช่น
  • FIFO  Flow Rack, Push-back Rack
  • LIFO  Drive-in Rack
5. ดู "ความปลอดภัย" เป็นอันดับแรก
ชั้นวางต้องมีอุปกรณ์เสริมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เช่น
  • Guard rail ป้องกันรถยกชน
  • Rack protector ป้องกันคอลัมน์
  • แผ่นกันตกด้านหลัง (Back mesh)
และควรตรวจสอบโครงสร้างเป็นประจำ โดยเฉพาะคลังที่ใช้รถยกหนัก

6. งบประมาณและการดูแลรักษา
ชั้นวางมีตั้งแต่ราคาประหยัดจนถึงระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ควรเลือกตามการใช้งานจริง ไม่จำเป็นต้องแพงเสมอ
  • หากงบน้อย  Selective Rack คือคุ้มค่าที่สุด
  • หากต้องการประสิทธิภาพสูงมาก  พิจารณา AS/RS หรือชั้นวางระบบอัตโนมัติในอนาคต
สรุป
การเลือกชั้นวางสินค้าไม่ใช่แค่ดูความแข็งแรง แต่ต้องมองเรื่องลักษณะสินค้า พื้นที่ น้ำหนัก การหมุนสินค้า ความปลอดภัย และงบประมาณทั้งหมดร่วมกัน เมื่อเลือกได้เหมาะสม จะช่วยให้คลังทำงานเร็วขึ้น ประหยัดพื้นที่ และลดต้นทุนได้ทันที

บทความที่เกี่ยวข้อง
Checklist  ธุรกิจคุณพร้อมขยายไหม? ตรวจให้ชัดก่อนโต
Checklist สำหรับเจ้าของธุรกิจ ตรวจสอบความพร้อมก่อนขยายกิจการ ครอบคลุมระบบ คน เงิน และโลจิสติกส์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเติบโต
ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
18 ธ.ค. 2025
วิธีเริ่มต้นอัปเกรดระบบโลจิสติกส์ภายในบริษัท  ทำทีละขั้น ไม่ต้องรื้อทั้งระบบ
แนวทางอัปเกรดระบบโลจิสติกส์ภายในบริษัทแบบเป็นขั้นตอน ลดความเสี่ยง คุมงบ และเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่กระทบการทำงาน
ร่วมมือ.jpg เหมาคัน
18 ธ.ค. 2025
สรุปเทรนด์โลจิสติกส์ทั้งเดือน  ธุรกิจต้องรู้ เพื่อไม่หลุดเกมการแข่งขัน
สรุปเทรนด์โลจิสติกส์ล่าสุดทั้งเดือน ครอบคลุมเทคโนโลยี ต้นทุน พฤติกรรมลูกค้า และความยั่งยืน เพื่อให้ธุรกิจปรับตัวได้ทันเวลา
ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
18 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ