7 เทคนิคลดต้นทุน "ส่งของไปต่างประเทศ" สำหรับธุรกิจ SME และผู้ขายออนไลน์

7 เทคนิคลดต้นทุน "ส่งของไปต่างประเทศ" สำหรับธุรกิจ SME และผู้ขายออนไลน์
การขยายตลาดสู่สากลคือเป้าหมายสำคัญของธุรกิจ SME และผู้ขายออนไลน์จำนวนมาก แต่บ่อยครั้งที่กำแพงด่านสำคัญที่ทำให้หลายคนต้องพับแผนกลับไปก็คือ "ค่าขนส่งระหว่างประเทศ" ที่สูงลิ่ว ซึ่งไม่เพียงแต่จะกัดกินกำไร แต่ยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ลูกค้าปลายทางตัดสินใจทิ้งตะกร้าสินค้า (Cart Abandonment) อีกด้วย
แต่ข่าวดีก็คือ การลดต้นทุนค่าขนส่งไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ต้องอาศัยความเข้าใจและกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด บทความนี้ได้รวบรวม 7 เทคนิคสำคัญ ที่จะช่วยให้คุณสามารถจัดการค่าส่งของไปต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สินค้าของคุณแข่งขันในตลาดโลกได้ และเพิ่มผลกำไรให้ธุรกิจของคุณ

7 เทคนิค "ลดต้นทุน" ค่าส่งของไปต่างประเทศ
1. เชี่ยวชาญเรื่องขนาดและน้ำหนัก (Mastering Dimensional Weight)
นี่คือข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุด! บริษัทขนส่งไม่ได้คิดราคาจาก "น้ำหนักตามจริง" (Actual Weight) เพียงอย่างเดียว แต่ยังคิดจาก "น้ำหนักปริมาตร" (Dimensional Weight) ด้วย ซึ่งคำนวณจากขนาดของกล่อง (กว้าง x ยาว x สูง)
- กับดักคือ: การใช้กล่องที่ใหญ่เกินความจำเป็นสำหรับสินค้าขนาดเล็กและน้ำหนักเบา จะทำให้คุณถูกคิดค่าส่งในราคาที่สูงมาก หรือที่เรียกว่า "จ่ายค่าส่งอากาศ"
- เทคนิค:
- เลือกกล่องให้พอดีที่สุด: ใช้กล่องที่มีขนาดใกล้เคียงกับตัวสินค้ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ใช้วัสดุกันกระแทกน้ำหนักเบา: เช่น บับเบิ้ลลม หรือกระดาษฝอย แทนเม็ดโฟม
- ตัดกล่อง: หากหากล่องขนาดพอดีไม่ได้จริงๆ ให้เรียนรู้วิธีตัดและพับกล่องให้มีขนาดเล็กลง
2. เปรียบเทียบผู้ให้บริการขนส่งเสมอ (Always Compare Carriers)
อย่าผูกมัดตัวเองกับผู้ให้บริการเพียงรายเดียว เพราะไม่มีใครที่ "ถูกที่สุด" สำหรับทุกการจัดส่ง
- ความจริงคือ: ผู้ให้บริการแต่ละรายมีจุดแข็งต่างกัน บางเจ้าอาจเก่งเรื่องพัสดุขนาดเล็ก, บางเจ้าอาจมีราคาดีสำหรับโซนอเมริกา, หรือบางเจ้าอาจเชี่ยวชาญการส่งด่วน
- เทคนิค:
- ใช้ Shipping Aggregator Platform: แพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยให้คุณกรอกข้อมูลพัสดุครั้งเดียว แต่สามารถเปรียบเทียบราคาจากผู้ให้บริการหลายๆ เจ้า (เช่น DHL, FedEx, UPS, Aramex) ได้ทันที
3. ทำความเข้าใจบริการแต่ละระดับ (Understand Service Levels)
การส่งด่วนที่สุด (Express) ไม่ใช่คำตอบเดียวเสมอไป
- ความจริงคือ: ลูกค้าจำนวนมากยอมรอสินค้านานขึ้นเล็กน้อย เพื่อแลกกับค่าส่งที่ถูกลง
- เทคนิค:
- เสนอทางเลือกให้ลูกค้า: ที่หน้า Checkout ของเว็บไซต์ ควรมีตัวเลือกการจัดส่งอย่างน้อย 2 แบบ เช่น Express (2-5 วัน) และ Standard/Economy (7-14 วัน)
- ประเมินความเร่งด่วน: หากเป็นการส่งสต็อกสินค้าที่ไม่รีบร้อน ให้เลือกใช้บริการแบบประหยัดเสมอ
4. ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายไปรษณีย์ (Leverage Postal Services)
สำหรับพัสดุขนาดเล็ก (โดยเฉพาะที่น้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม) การใช้บริการของไปรษณีย์ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด
- บริการที่น่าสนใจ: บริการอย่าง ePacket หรือบริการพัสดุย่อยทางอากาศของไปรษณีย์ไทย มีราคาที่เข้าถึงง่าย และมีเครือข่ายที่ครอบคลุมไปทั่วโลกผ่านการเชื่อมต่อกับไปรษณีย์ของประเทศปลายทาง
- เทคนิค: ศึกษาและเปรียบเทียบราคาบริการเหล่านี้ สำหรับการส่งสินค้าชิ้นเล็กๆ ของคุณเสมอ
5. รวบรวมการจัดส่ง (Consolidate Shipments)
แทนที่จะส่งของทุกวัน ลองเปลี่ยนเป็นการรวบรวมออเดอร์แล้วส่งเป็นล็อตใหญ่ขึ้น
- ทำไมถึงดี?: การส่งของครั้งละมากๆ มักจะได้ราคาต่อหน่วยที่ถูกลง และยังช่วยประหยัดเวลาในการจัดการของคุณด้วย
- เทคนิค: กำหนดวันส่งของที่ชัดเจน เช่น "จัดส่งทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี" และแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า วิธีนี้ยังช่วยให้คุณวางแผนการแพ็คของได้ดีขึ้น
6. ทำความเข้าใจเรื่องภาษีอากรและสำแดงให้ถูกต้อง
ต้นทุนที่น่ากลัวที่สุดคือ "ค่าส่งตีกลับ" เมื่อพัสดุติดด่านศุลกากร
- ความเสี่ยงคือ: การสำแดงข้อมูลสินค้าและราคาในใบสำแดงศุลกากร (Customs Declaration) ผิดพลาด อาจทำให้พัสดุถูกกัก, ประเมินภาษีเพิ่ม, หรือถูกปฏิเสธการนำเข้า ซึ่งค่าใช้จ่ายในการส่งคืนทั้งหมดจะตกเป็นของคุณ
- เทคนิค:
- สำแดงข้อมูลตามจริง: ระบุรายละเอียดสินค้าและราคาให้ถูกต้องเสมอ
- ศึกษาเกณฑ์ยกเว้นภาษี (De Minimis Value): ทำความเข้าใจว่าประเทศปลายทางที่คุณส่งบ่อยๆ มีเกณฑ์ยกเว้นภาษีนำเข้าที่มูลค่าเท่าไหร่
7. เจรจาต่อรองเมื่อมีปริมาณการส่ง (Negotiate for Volume)
เมื่อธุรกิจของคุณเติบโตและมีปริมาณการส่งที่สม่ำเสมอ คุณไม่ได้อยู่ในฐานะลูกค้ารายย่อยอีกต่อไป
- ความจริงคือ: บริษัทขนส่งทุกรายต้องการลูกค้าธุรกิจที่มีปริมาณส่งต่อเนื่อง
- เทคนิค: เมื่อคุณมีปริมาณส่งถึงเกณฑ์ (เช่น มากกว่า 50 ชิ้นต่อเดือน) ให้ติดต่อฝ่ายขายของบริษัทขนส่งโดยตรงเพื่อ "เปิดบัญชีธุรกิจ" และเจรจาขอ "อัตราค่าส่งพิเศษ" (Volume Discount)
บทสรุป
การลดต้นทุนค่าส่งของไปต่างประเทศไม่ใช่เรื่องของโชคช่วย แต่เป็นผลมาจากการวางแผนอย่างมีกลยุทธ์ การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่การเลือกกล่อง, การเปรียบเทียบราคา, ไปจนถึงการเจรจาต่อรอง ล้วนส่งผลต่อกำไรของธุรกิจคุณโดยตรง ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ แล้วคุณจะพบว่าการส่งออกไปตลาดโลกนั้น "คุ้มค่า" กว่าที่เคยเป็น
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่
โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-3039620
อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com
ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210
คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย!
https://www.bsgroupth.com/e-fulfillment-stock-pack-ship
#ลดต้นทุน #ส่งของไปต่างประเทศ #SME #ผู้ขายออนไลน์ #ECommerce #ShippingCosts #โลจิสติกส์ #เคล็ดลับธุรกิจ #นำเข้าส่งออก #ประหยัดเงิน #ขายของออนไลน์ #InternationalShipping
Contact Center


BANKKUNG
