เบื้องหลัง “วันลดราคายักษ์ใหญ่” โลจิสติกส์ทำงานหนักแค่ไหนกว่าจะถึงมือคุณ
ทุกปีพอถึงช่วง 11.11, Black Friday, Cyber Monday หรือ 12.12 เราจะเห็นภาพเดิม ๆ บนโซเชียล รถขนส่งเต็มคัน คลังสินค้าล้นไปด้วยกล่องพัสดุ และพนักงานแพ็กของทำงานจนแทบไม่ได้นอน แต่เบื้องหลังความสะดวกที่ลูกค้าเห็นเป็นแค่การ กดสั่งแล้วรอรับ จริง ๆ แล้วโลจิสติกส์ทำงานหนักและซับซ้อนกว่านั้นมาก
ลองนึกภาพว่าทั่วทั้งประเทศ มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นหลายเท่าภายในวันเดียว ถ้าไม่มีการวางแผนที่ดี ระบบทั้งหมดอาจพังลงได้ทันที
การคาดการณ์และการเตรียมคลังสินค้า
ก่อนถึงวันดีลยักษ์ใหญ่ ทีมงานโลจิสติกส์ต้องทำการ คาดการณ์ความต้องการ ล่วงหน้าเป็นเดือน ๆ ใช้ทั้งข้อมูลสถิติปีที่ผ่านมา แนวโน้มพฤติกรรมลูกค้า และแคมเปญการตลาด เพื่อประเมินว่าจะมีออเดอร์กี่ชิ้น สินค้าประเภทไหนจะขายดี
สินค้าเหล่านี้จะถูกกระจายไปเก็บไว้ในคลังหลายจุดทั่วประเทศ เพื่อให้พร้อมส่งจากจุดที่ใกล้ลูกค้าที่สุด การวางคลังผิดพลาดเพียงนิดเดียว อาจทำให้ของส่งช้าหรือค่าขนส่งบานปลายได้
พนักงานและกำลังเสริม
ในช่วงวันเซลล์ ปริมาณงานเพิ่มขึ้นหลายเท่า บริษัทโลจิสติกส์จึงต้อง เสริมกำลังคน ทั้งพนักงานชั่วคราวในคลัง และคนขับรถขนส่งเพิ่มขึ้น
แต่การเพิ่มคนอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีการจัดตารางการทำงานที่รัดกุม เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคอขวดในจุดใดจุดหนึ่ง เช่น จุดแพ็กของ หรือจุดโหลดขึ้นรถ
เทคโนโลยีช่วยชีวิต
หลายบริษัทใช้ ระบบอัตโนมัติ (Automation) เข้ามาช่วย เช่น หุ่นยนต์หยิบสินค้า, สายพานลำเลียงที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง, และซอฟต์แวร์จัดการคำสั่งซื้อที่เชื่อมต่อกับทุกแพลตฟอร์ม
ยกตัวอย่าง Amazon ที่มีหุ่นยนต์ Kiva วิ่งไปหยิบชั้นวางสินค้าให้พนักงานแพ็ก ทำให้ประหยัดเวลาได้มหาศาล ไม่เช่นนั้นการแพ็กของเป็นล้านชิ้นในเวลาอันสั้นแทบเป็นไปไม่ได้
การจัดเส้นทางขนส่ง
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญคือ Route Optimization หรือการจัดเส้นทางขนส่งให้สั้นที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุด เพราะถ้าไม่มีการวางแผน รถขนส่งอาจเสียเวลาไปกับการวนหาบ้านลูกค้า หรือเส้นทางซ้ำซ้อน
ในช่วงดีลใหญ่ บริษัทขนส่งต้องวางเส้นทางแบบเรียลไทม์ ใช้ระบบ GPS และ Big Data ช่วย เพื่อให้แน่ใจว่า พัสดุจำนวนมหาศาลจะกระจายออกไปได้เร็วที่สุด
กดดันสูง แต่ห้ามพลาด
สิ่งที่ทำให้โลจิสติกส์ช่วงวันลดราคาพิเศษแตกต่างจากวันปกติ คือ ความกดดันเรื่องเวลา ลูกค้าจำนวนมากคาดหวังว่าจะได้ของเร็วพิเศษตามที่แพลตฟอร์มโฆษณาไว้ เช่น สั่งวันนี้ พรุ่งนี้ถึง หรือ รับภายใน 48 ชั่วโมง
การล่าช้าเพียงวันเดียวอาจนำไปสู่คอมเมนต์เชิงลบและการเสียลูกค้าได้ ดังนั้นระบบต้องทำงานแบบ Zero Error หรือผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เบื้องหลังที่คนทั่วไปไม่เห็น
สำหรับลูกค้า วันเซลล์ใหญ่คือช่วงเวลาความสุข ได้ของถูก ส่งไว แต่สำหรับทีมโลจิสติกส์ มันคือ ศึกใหญ่ประจำปี ที่เต็มไปด้วยการวางแผน ทดสอบระบบ และทำงานแบบไม่มีหยุดพัก
สิ่งที่น่าทึ่งคือ ถึงแม้จะมีคำสั่งซื้อหลักล้าน ระบบก็ยังส่งของถึงมือลูกค้าได้ภายในเวลาอันสั้น และนี่แหละ คือเสน่ห์ของโลจิสติกส์ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
สรุป
วันลดราคายักษ์ใหญ่ ไม่ได้มีแค่โปรโมชั่นและโฆษณาที่ดึงดูดใจ แต่ยังมี โลจิสติกส์ ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญ คอยทำให้สัญญาเรื่อง ส่งไว ถึงมือแน่ เป็นจริง
ครั้งต่อไปที่คุณกดสั่งของในวัน 11.11 หรือ Black Friday แล้วพัสดุมาถึงในเวลาไม่กี่วัน ลองนึกถึงเบื้องหลังเหล่านี้ดู คุณอาจมองกล่องพัสดุในมือด้วยสายตาที่ต่างออกไป