ส่องทำเลทอง! เปิดโมเดลธุรกิจ 'จุดบริการรับพัสดุ' สร้างรายได้มากกว่าที่คิด
บทนำ
ในยุคที่ E-commerce เติบโตแบบก้าวกระโดด ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ได้กลายเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจดิจิทัล สิ่งนี้ได้เปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่น่าสนใจและเข้าถึงง่ายอย่าง 'จุดบริการรับพัสดุ' หรือ Drop-off Point ที่เราเห็นผุดขึ้นมากมายตามตรอกซอกซอย หลายคนอาจมองว่าเป็นเพียงธุรกิจเล็กๆ ที่มีรายได้จากค่าส่งพัสดุ แต่ในความเป็นจริงแล้ว โมเดลธุรกิจนี้ซ่อนขุมทรัพย์แห่งรายได้เสริมและกลยุทธ์การเลือกทำเลที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมว่าทำเลแบบไหนถึงจะ "ปัง" และเราจะสามารถสร้างรายได้จากอะไรได้บ้าง
เนื้อหา
Part 1: ปักหมุดทำเลทอง... ไม่ใช่แค่ใกล้บ้าน แต่ต้อง 'ใช่' สำหรับลูกค้า
การเลือกทำเลที่ตั้งคือหัวใจสำคัญอันดับแรกที่จะชี้วัดความสำเร็จของธุรกิจจุดบริการรับพัสดุ ไม่ใช่ทุกพื้นที่ที่คนเยอะจะหมายถึงทำเลที่ดีเสมอไป แต่ต้องเป็นทำเลที่มี "ความต้องการ" แฝงอยู่ มาดูกันว่าทำเลทองมักจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนบ้าง
1.ย่านชุมชนและที่อยู่อาศัย (หมู่บ้านจัดสรร, คอนโดมิเนียม):
- ทำไมถึงปัง? เป็นแหล่งรวมของ "นักช็อปออนไลน์" ตัวยง และกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หน้าใหม่ที่ทำงานจากที่บ้าน การมีจุดบริการใกล้ที่พักอาศัยคือการตอบโจทย์ความสะดวกสบายขั้นสูงสุด ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อไปส่งของเพียงไม่กี่ชิ้น
- เคล็ดลับ: สร้างความสัมพันธ์กับนิติบุคคลของคอนโดหรือหมู่บ้าน เพื่อประชาสัมพันธ์บริการของคุณ
2.แหล่งออฟฟิศและสถานศึกษา:
- ทำไมถึงปัง? พนักงานออฟฟิศมักมีความต้องการส่งเอกสารด่วน หรือรับ-ส่งของใช้ส่วนตัวระหว่างวัน ขณะที่นักเรียนนักศึกษาก็เป็นกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ที่มีการซื้อของออนไลน์และรับของที่ส่งมาจากทางบ้านอยู่เสมอ
- เคล็ดลับ: จัดโปรโมชันพิเศษสำหรับพนักงานในตึกหรือนักศึกษา เพื่อดึงดูดให้มาใช้บริการประจำ
3.ใกล้ตลาดสด ตลาดนัด หรือแหล่งชุมนุม:
- ทำไมถึงปัง? เป็นพื้นที่ที่มีการสัญจรของคนจำนวนมากตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในตลาดที่ปัจจุบันหันมาขายของผ่านช่องทางออนไลน์ควบคู่ไปด้วย จุดบริการของคุณจะกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าทั่วประเทศ
- เคล็ดลับ: เสนอบริการแพ็คสินค้าสำหรับร้านค้าในตลาด เพื่อสร้างรายได้เสริมและอำนวยความสะดวกครบวงจร
4.โมเดล "ร้านในร้าน" (Store-in-Store):
- ทำไมถึงปัง? การเปิดจุดบริการเสริมภายในธุรกิจอื่น เช่น ร้านถ่ายเอกสาร, ร้านเครื่องเขียน, ร้านชำ, หรือแม้แต่ร้านกาแฟ เป็นการใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่แล้ว ช่วยลดต้นทุนค่าเช่าและเป็นการเพิ่มบริการที่เกื้อหนุนกัน
- เคล็ดลับ: เลือกร้านค้าพันธมิตรที่มีกลุ่มลูกค้าสอดคล้องกัน เช่น ร้านถ่ายเอกสารย่อมมีลูกค้าที่ต้องการส่งเอกสารอยู่แล้ว เป็นต้น
Part 2: เปิดสารพัดช่องทางสร้างรายได้... มากกว่าแค่ "ค่าส่ง"
รายได้หลักของจุดบริการรับพัสดุมาจากส่วนแบ่งค่าขนส่งจากบริษัทโลจิสติกส์ต่างๆ ที่เราเป็นพันธมิตรด้วย แต่นั่นเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น กุญแจสู่การทำกำไรที่ยั่งยืนคือการสร้าง "รายได้เสริม" จากบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน
1.บริการแพ็คสินค้าและจำหน่ายอุปกรณ์:
นี่คือรายได้เสริมอันดับหนึ่ง! จัดเตรียมกล่องพัสดุหลากหลายขนาด, ซองกันกระแทก, บับเบิ้ล, เทปกาว และอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ ไว้จำหน่าย พร้อมเสนอบริการแพ็คสินค้าให้ลูกค้าเพื่อแลกกับค่าบริการเพิ่มเติมเล็กน้อย
3.บริการเสริมด้านเอกสาร (Document Services):
ติดตั้งเครื่องปริ้นเตอร์และเครื่องถ่ายเอกสาร ให้บริการ Print, Copy, Scan ซึ่งเป็นบริการที่ลูกค้าส่งพัสดุมักต้องการใช้ควบคู่กันไป โดยเฉพาะการพิมพ์ใบปะหน้าพัสดุ
3.จุดชำระบิลและเคาน์เตอร์เซอร์วิส:
ต่อยอดจากการเป็นจุดรับ-ส่ง มาเป็นจุดชำระค่าบริการต่างๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หรือเติมเงินมือถือ ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Traffic คนเข้าร้านและสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียม
4.จำหน่ายสินค้าฝากขาย หรือสินค้าอื่นๆ:
ใช้พื้นที่ว่างในร้านให้เป็นประโยชน์โดยการจำหน่ายสินค้าอื่นๆ ที่ลูกค้าอาจต้องการ เช่น ขนม, เครื่องดื่ม, หรือสินค้า OTOP ประจำท้องถิ่น หรืออาจทำหน้าที่เป็น "จุดรับของ" สำหรับร้านค้าออนไลน์ในละแวกนั้น
5.เป็นตัวกลาง Pick-up Point:
ร่วมมือกับแพลตฟอร์ม E-commerce หรือร้านค้าออนไลน์ต่างๆ เพื่อเป็นจุดรับสินค้า (Pick-up Point) ให้ลูกค้าที่สั่งซื้อของออนไลน์แต่ไม่สะดวกรับที่บ้านมารับที่ร้านของเราแทน ซึ่งจะได้รับค่าตอบแทนสำหรับพัสดุแต่ละชิ้น
สรุปส่งท้าย
ธุรกิจ 'จุดบริการรับพัสดุ' เป็นมากกว่าแค่การรับและส่งของ แต่มันคือ "ศูนย์กลางบริการชุมชนขนาดย่อม" ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง การเลือกทำเลที่ตั้งที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์บริการเสริมที่หลากหลายและครบวงจร คือสูตรสำเร็จที่จะทำให้ธุรกิจเล็กๆ นี้สามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในสมรภูมิ E-commerce ที่กำลังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโอกาสทางธุรกิจที่เริ่มต้นไม่ยากและมีตลาดรองรับอยู่เสมอ โมเดลนี้นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่
โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-3039620
อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com
ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210
คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย!