Sustainable Fuels in Logistics การใช้พลังงานสะอาด เช่น Biofuel, Hydrogen, EV Trucks
โลจิสติกส์คือหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO) มากที่สุดในโลก โดยเฉพาะจาก รถบรรทุก เครื่องบิน และเรือขนส่งสินค้า ทำให้หลายบริษัทเริ่มหันมาใช้ พลังงานสะอาด (Sustainable Fuels) เพื่อปรับตัวเข้าสู่ยุค Green Logistics ที่ทั้งลดต้นทุนในระยะยาว และยังตอบโจทย์ความยั่งยืน (Sustainability) ที่ผู้บริโภคและคู่ค้าทั่วโลกกำลังจับตามอง
ทำไมโลจิสติกส์ต้องเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด?
กฎระเบียบสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น สหภาพยุโรปและหลายประเทศเริ่มเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) จากธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเกินกำหนด
แรงกดดันจากผู้บริโภค ลูกค้ารุ่นใหม่เลือกแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากกว่าเดิม
ต้นทุนน้ำมันผันผวน การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลเพียงอย่างเดียวเสี่ยงเกินไป
เป้าหมาย Net Zero หลายองค์กรตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050
เทคโนโลยีพลังงานสะอาดในโลจิสติกส์
1. Biofuels (ไบโอดีเซล / เชื้อเพลิงชีวภาพ)
ผลิตจากพืช น้ำมันพืชใช้แล้ว หรือของเสียจากเกษตร
ข้อดี: ใช้แทนน้ำมันดีเซลได้ทันที ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์มาก
ตัวอย่าง: Maersk (สายการเดินเรือ) ทดลองใช้ Biofuel ในการเดินเรือข้ามทวีป
2. Hydrogen Fuel (เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน)
ใช้ไฮโดรเจนในการผลิตไฟฟ้าขับเคลื่อนรถหรือเรือ
ข้อดี: เติมเชื้อเพลิงเร็ว, วิ่งได้ไกลกว่ารถไฟฟ้าแบตเตอรี่
ตัวอย่าง: Toyota และ Hyundai พัฒนารถบรรทุกไฮโดรเจนสำหรับโลจิสติกส์หนัก
3. Electric Vehicles (EV Trucks & Vans)
รถบรรทุกและรถตู้ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่แทนน้ำมัน
ข้อดี: ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์, เงียบ, เหมาะกับการส่งในเมือง
ตัวอย่าง: Amazon ใช้ Rivian EV Vans, DHL ใช้ StreetScooter
4. Hybrid Models (ดีเซล + พลังงานสะอาด)
รถบางรุ่นใช้พลังงานผสม เช่น เครื่องยนต์ดีเซลคู่กับแบตเตอรี่ไฟฟ้า
เหมาะกับระยะไกลที่โครงสร้างพื้นฐาน EV ยังไม่พร้อม
ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ Sustainable Fuels
ลดการปล่อย CO ได้มากกว่า 3090% ขึ้นอยู่กับเชื้อเพลิง
ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานระยะยาว
เสริมภาพลักษณ์ แบรนด์รักษ์โลก (Green Brand)
สอดคล้องกับ ESG (Environmental, Social, Governance) ที่นักลงทุนให้ความสำคัญ
ก้าวต่อไปของโลจิสติกส์สีเขียว
ในอนาคต โลจิสติกส์จะไม่ใช่แค่ ขนส่งให้เร็ว แต่ต้อง ขนส่งให้ยั่งยืน ด้วย บริษัทที่ลงทุนด้านพลังงานสะอาดตั้งแต่วันนี้จะได้เปรียบทั้งด้านต้นทุน กฎเกณฑ์ และความเชื่อมั่นจากลูกค้า
สรุป: Sustainable Fuels ไม่ใช่แค่กระแส แต่คือ อนาคตของโลจิสติกส์ ที่ทุกบริษัทต้องปรับตัว หากยังยึดติดกับน้ำมันฟอสซิลเพียงอย่างเดียว อาจเจอทั้งภาระต้นทุนและข้อจำกัดทางกฎหมายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า