แชร์

บริการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้าน ทางเลือกใหม่ของคนยุคดิจิทัล

ร่วมมือ.jpg Contact Center
อัพเดทล่าสุด: 5 มิ.ย. 2025
276 ผู้เข้าชม

บริการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้าน ทางเลือกใหม่ของคนยุคดิจิทัล

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกมิติของชีวิต ความสะดวก และ ความรวดเร็ว กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคต้องการ โดยเฉพาะในโลกของ การขนส่งและโลจิสติกส์ ที่กำลังปรับตัวให้ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งในบริการที่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องคือ บริการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้าน (Pick-up Service) ซึ่งกลายเป็นทางเลือกใหม่ของคนยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง

บริการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้านคืออะไร?

บริการเข้ารับพัสดุถึงบ้าน คือบริการที่ผู้ให้บริการขนส่งจะมารับพัสดุจากผู้ส่งถึงที่บ้านหรือที่ทำงาน โดยที่ผู้ส่งไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสาขาหรือจุดบริการขนส่งด้วยตนเอง เป็นบริการที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกสูงสุดให้แก่ทั้งผู้ขายออนไลน์ ธุรกิจ SME และบุคคลทั่วไป

ทำไมบริการนี้ถึงเป็นที่นิยม?

1.ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
การเดินทางไปส่งพัสดุด้วยตัวเองต้องใช้ทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ทั้งค่ารถ ค่าน้ำมัน และเวลาในการรอคิว บริการเข้ารับช่วยลดภาระเหล่านี้ได้ทันที

2.ตอบโจทย์พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์
สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่มีคำสั่งซื้อจำนวนมากในแต่ละวัน การที่สามารถเรียกพนักงานมารับพัสดุถึงหน้าบ้านได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และมีเวลามากขึ้นในการจัดการธุรกิจอื่น ๆ

3.สะดวกในทุกสถานการณ์
ในบางสถานการณ์ เช่น วันที่ฝนตก รถติด หรือต้องทำงานที่บ้านทั้งวัน บริการเข้ารับพัสดุเป็นทางเลือกที่ทั้งสะดวกและปลอดภัย

วิธีใช้งานบริการเข้ารับพัสดุ

การใช้บริการรับพัสดุถึงบ้านในปัจจุบันนั้นง่ายดายมาก เพียงแค่ทำตามขั้นตอนดังนี้

1.เลือกผู้ให้บริการขนส่ง เช่น ไปรษณีย์ไทย, Kerry Express, Flash Express, SCG Express, J&T Express ฯลฯ
2.ลงทะเบียนหรือเข้าสู่ระบบแอป/เว็บไซต์ แต่ละบริษัทจะมีแอปหรือระบบที่ให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลพัสดุและที่อยู่
3.กำหนดวันและเวลารับพัสดุ สามารถเลือกวัน เวลา และสถานที่ที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่มารับ
4.เตรียมพัสดุให้พร้อม แพ็กพัสดุให้เรียบร้อย พร้อมปิดกล่องและติดใบจ่าหน้าหรือ QR Code (หากระบบกำหนด)
5.รอพนักงานมารับถึงบ้าน บางเจ้ามีระบบ Tracking การเข้ารับแบบเรียลไทม์อีกด้วย

เจาะลึกผู้ให้บริการยอดนิยม

1.Flash Express

  • รับพัสดุฟรีทั่วประเทศ
  • ไม่มีขั้นต่ำ
  • เหมาะสำหรับร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กถึงใหญ่

2.Kerry Express

  • มีระบบจองรับพัสดุผ่านแอป
  • คิดค่าบริการตามระยะทาง
  • เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง

3.ไปรษณีย์ไทย (Thailand Post)

  • เปิดบริการ Pick-up ผ่านแอป THP Contact Center 1545
  • มีบริการเสริมเช่น เก็บเงินปลายทาง (COD)

ข้อดี-ข้อเสียของบริการเข้ารับพัสดุ

ข้อดี

  • ประหยัดเวลา
  • ไม่ต้องเดินทาง
  • เหมาะสำหรับผู้ส่งจำนวนมาก
  • เพิ่มความสะดวกให้ผู้สูงอายุ/คนไม่สะดวกเดินทาง

ข้อเสีย

  • บางพื้นที่อาจไม่มีบริการ
  • อาจมีค่าบริการเพิ่มเติม
  • ต้องเตรียมพัสดุล่วงหน้าให้พร้อม
  • เวลาเข้ารับอาจคลาดเคลื่อนในบางกรณี

แนวโน้มของบริการเข้ารับพัสดุในอนาคต

  • ด้วยการเติบโตของ E-commerce และ Social Commerce ที่ไม่หยุดนิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการขนส่งต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ในอนาคตเราจะได้เห็นการใช้ AI และระบบอัตโนมัติ ช่วยจัดการการเข้ารับให้แม่นยำและเร็วขึ้น
  • บริการแบบ On-demand ที่เข้ารับได้ภายใน 12 ชั่วโมง
  • การจับมือระหว่างแพลตฟอร์มขายของ (เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop) กับผู้ให้บริการขนส่งเพื่อเชื่อมต่อบริการแบบไร้รอยต่อ

บริการเข้ารับพัสดุเหมาะกับใคร?

  • ร้านค้าออนไลน์ทุกขนาด
  • บุคคลทั่วไปที่ส่งของให้เพื่อนหรือครอบครัว
  • เจ้าของธุรกิจที่ต้องส่งเอกสารหรือสินค้าบ่อยครั้ง
  • ผู้สูงอายุหรือผู้ที่ไม่สะดวกออกจากบ้าน

สรุป ทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล

บริการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้านไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็น โซลูชันที่ตอบโจทย์ชีวิตคนยุคดิจิทัล อย่างแท้จริง ด้วยความสะดวก ประหยัดเวลา และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน หากคุณยังไม่เคยใช้บริการนี้ อาจถึงเวลาลองสัมผัสความสะดวกสบายรูปแบบใหม่ที่คุณอาจติดใจ



บทความที่เกี่ยวข้อง
Fulfillment-as-a-Service (FaaS): โมเดลใหม่ของการบริหารคลัง
เมื่อโลกของอีคอมเมิร์ซเติบโตแบบก้าวกระโดด การบริหารจัดการคลังสินค้าและการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็ว
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
26 ก.ค. 2025
EOQ คืออะไร? สูตรลับคลังสินค้า สั่งของเท่าไหร่ให้ 'คุ้ม' ที่สุด
เคยเจอปัญหานี้ไหมครับ? สั่งของมาตุนในคลังสินค้าเยอะเกินไป เงินทุนก็จมไปกับสต็อก แถมยังต้องเสียค่าเช่าพื้นที่เพิ่ม แต่พอสั่งของมาน้อยเกินไป สินค้าก็ขาด ขายไม่ได้ เสียโอกาสทางธุรกิจไปอีก... คำถามคือ แล้วเราควรจะสั่งของครั้งละเท่าไหร่ดี ถึงจะเรียกว่า "พอดี" และ "คุ้มค่า" ที่สุด? วันนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จักกับ EOQ (Economic Order Quantity) หรือ ปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด ซึ่งเป็นเหมือนสูตรลับที่ช่วยให้ธุรกิจหาจุดสมดุลในการสั่งซื้อสินค้าได้อย่างมืออาชีพ
โก้(นักศึกษาฝึกงาน)
23 ก.ค. 2025
Delivery Orchestration – การจัดการโลจิสติกส์แบบเบ็ดเสร็จยุคใหม่
Delivery Orchestration – การจัดการโลจิสติกส์แบบเบ็ดเสร็จยุคใหม่
Notify.png พี่ปี
25 ก.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ