ERP กับการวางแผนเส้นทาง (Route Planning)
ERP กับการวางแผนเส้นทาง (Route Planning)
ERP คืออะไร?
ERP (Enterprise Resource Planning) คือ ระบบซอฟต์แวร์ที่ช่วยบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรแบบครบวงจร ตั้งแต่ การเงิน, สต๊อกสินค้า, คลังสินค้า, ขาย, บริการลูกค้า, จนถึงงานขนส่ง โดยทุกข้อมูลจะถูกเชื่อมโยงอยู่ในฐานข้อมูลเดียวกัน เพื่อให้ธุรกิจทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดความซ้ำซ้อน
ERP กับ Route Planning ทำงานร่วมกันอย่างไร?
การรวม ERP + Route Planning ทำให้ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์สามารถจัดการได้ครบวงจร ตั้งแต่ การรับคำสั่งซื้อ การวางแผนการจัดส่ง การติดตามการส่ง การเก็บข้อมูลต้นทุน
การเชื่อมโยงหลัก ๆ
1.คำสั่งซื้อจาก ERP Route Planning
ERP เก็บข้อมูลออเดอร์ ลูกค้า ที่อยู่ ส่งต่อไปยังระบบ Route Planning เพื่อสร้างเส้นทาง
2.การจัดเส้นทาง อัปเดตกลับ ERP
ข้อมูลเส้นทาง ระยะเวลา ค่าใช้จ่าย ถูกส่งกลับเข้า ERP เพื่อติดตามและทำบัญชี
3.การติดตามแบบเรียลไทม์
ผู้จัดการสามารถดูสถานะการส่งผ่าน ERP ได้ทันที ไม่ต้องสลับหลายระบบ
4.วิเคราะห์ต้นทุนการขนส่ง
ERP ดึงข้อมูลจาก Route Planning เพื่อเปรียบเทียบ ต้นทุนจริง vs ต้นทุนที่คาดการณ์
ประโยชน์ของการใช้ ERP + Route Planning
-ลดต้นทุนการขนส่ง ด้วยการจัดเส้นทางที่สั้นและคุ้มค่าที่สุด
-เพิ่มความเร็วและความแม่นยำ ในการส่งสินค้าให้ลูกค้า
-บริหารจัดการรถและพนักงานขับได้ง่ายขึ้น
-สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น (Customer Experience) เพราะลูกค้าสามารถติดตามสถานะได้
-เชื่อมโยงกับระบบบัญชีและการเงิน เพื่อคำนวณต้นทุนขนส่งทันที
ตัวอย่างการใช้งานจริง
-ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
ERP บันทึกออเดอร์จากลูกค้า ส่งข้อมูลไป Route Planning จัดเส้นทางจัดส่ง กลับมาออกบิลใน ERP
-บริษัทขนส่งพัสดุ
ใช้ ERP จัดการทีมงานและวางแผนเส้นทางในแต่ละวัน ลดเวลาและค่าน้ำมัน
-ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก
ERP ช่วยวางแผนเส้นทางส่งสินค้าไปหลายสาขาได้อย่างแม่นยำ
สรุป
การรวม ERP เข้ากับ Route Planning คือการทำให้การขนส่งไม่ใช่แค่การ "ส่งของ" แต่กลายเป็นกระบวนการที่ เชื่อมโยงทั้งธุรกิจ ตั้งแต่การขายจนถึงลูกค้า การมีข้อมูลครบวงจรช่วยให้ธุรกิจโลจิสติกส์ ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า ได้อย่างแท้จริง
บทความจาก Chat gpt
ภาพประกอบจาก canva