แชร์

Just In Time (JIT) ในการขนส่งมีลักษณะอย่างไร ?

noimageauthor โก้(นักศึกษาฝึกงาน)
อัพเดทล่าสุด: 15 ก.ค. 2025
10 ผู้เข้าชม

Just-in-Time (JIT) หรือ ระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี ในบริบทของการขนส่ง คือ กลยุทธ์การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่มุ่งเน้นการส่งมอบวัตถุดิบหรือสินค้าให้มาถึงสถานที่ที่ต้องการ ในปริมาณที่ถูกต้อง และในเวลาที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อลดปริมาณสินค้าคงคลัง (Inventory) ให้เหลือน้อยที่สุดหรือใกล้เคียงศูนย์ (Zero Inventory) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการจัดเก็บและบริหารจัดการได้อย่างมหาศาล

ปฏิวัติการขนส่งด้วยระบบ Just-in-Time (JIT): ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพสู่ความสำเร็จ

ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันสูงและทุกวินาทีมีค่า การจัดการซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพคือหัวใจสำคัญที่ชี้วัดความสำเร็จขององค์กร หนึ่งในปรัชญาการจัดการที่ทรงอิทธิพลและได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของวงการอุตสาหกรรมและการขนส่งมาแล้วทั่วโลกก็คือ ระบบ Just-in-Time (JIT) หรือ ระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี

หัวใจสำคัญและหลักการทำงานของ JIT

หลักการพื้นฐานของ JIT คือการเปลี่ยนจากระบบ "ผลัก" (Push System) ที่ผลิตสินค้าเก็บไว้ในคลังเพื่อรอการจำหน่าย ไปสู่ระบบ "ดึง" (Pull System) ที่การผลิตและการจัดส่งจะเริ่มต้นขึ้นก็ต่อเมื่อมีความต้องการจากลูกค้าหรือกระบวนการถัดไปเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าทรัพยากรจะถูกใช้ไปเพื่อสร้างสิ่งที่จำเป็นจริงๆ ในเวลาที่จำเป็นเท่านั้น

เพื่อให้ระบบนี้เกิดขึ้นได้จริง จำเป็นต้องอาศัยเสาหลักสำคัญ 3 ประการ:

1) ความร่วมมือกับซัพพลายเออร์เชิงกลยุทธ์ (Strategic Supplier Partnership): ซัพพลายเออร์ไม่ใช่แค่ผู้ขาย แต่เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ ความสำเร็จของ JIT ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือ ความยืดหยุ่น และคุณภาพของซัพพลายเออร์เป็นอย่างยิ่ง องค์กรต้องสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น มีการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่โปร่งใส เพื่อให้มั่นใจว่าการจัดส่งจะเกิดขึ้นอย่างแม่นยำตรงเวลาทุกครั้ง

2) ระบบการขนส่งที่เชื่อถือได้และยืดหยุ่น (Reliable & Flexible Transportation): JIT ต้องการระบบขนส่งที่สามารถจัดส่งสินค้าในปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ให้บริการขนส่งต้องมีความน่าเชื่อถือสูง สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและจัดตารางการเดินรถได้อย่างแม่นยำ การมีคลังสินค้าหรือศูนย์กระจายสินค้าของซัพพลายเออร์อยู่ไม่ไกลจากโรงงาน (Geographic Proximity) ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมาก

3) การบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Integration): การวางแผนที่แม่นยำและการมองเห็นภาพรวมของซัพพลายเชนแบบเรียลไทม์เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หากขาดเทคโนโลยี ระบบอย่าง ERP (Enterprise Resource Planning), การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDI), และระบบติดตามสถานะ (Tracking System) ช่วยให้ทุกฝ่ายตั้งแต่ซัพพลายเออร์ ผู้ผลิต จนถึงบริษัทขนส่งทำงานประสานกันได้อย่างราบรื่น

ประโยชน์ที่จับต้องได้ของระบบ JIT ในการขนส่ง

ลดต้นทุนสินค้าคงคลังได้อย่างมหาศาล: นี่คือประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุด การไม่สต็อกสินค้าทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการเช่าคลังสินค้า, ค่าประกัน, ค่าบริหารจัดการ และลดความเสี่ยงที่สินค้าจะเสื่อมสภาพหรือล้าสมัย

เพิ่มประสิทธิภาพและกระแสเงินสด:งินทุนที่เคยจมอยู่กับสินค้าคงคลังจะถูกปลดปล่อยออกมาเป็นกระแสเงินสดหมุนเวียน เพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ

ตอบสนองต่อตลาดได้รวดเร็ว: การผลิตตามความต้องการจริงทำให้องค์กรมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนการผลิตตามเทรนด์หรือความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว

ความท้าทายและความเสี่ยงที่ต้องเผชิญ

การพึ่งพาซัพพลายเออร์สูง: หากซัพพลายเออร์ไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนดเวลาหรือคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน จะเกิดผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตทันที

อาจมีต้นทุนขนส่งสูงขึ้น: การขนส่งบ่อยครั้งในปริมาณที่น้อย อาจมีค่าใช้จ่ายต่อหน่วยสูงกว่าการขนส่งแบบเต็มตู้ (Full Truckload) จึงต้องมีการบริหารจัดการเส้นทางและเจรจาต่อรองกับผู้ให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ

บทสรุป

Just-in-Time ในการขนส่งคือกลยุทธ์อันทรงพลังที่สามารถเปลี่ยนโฉมองค์กรให้มีความคล่องตัว ลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน แต่ก็จะมาพร้อมกับความท้าทายและความเสี่ยงที่ต้องบริหารจัดการอย่างรัดกุม แต่สำหรับองค์กรที่สามารถสร้างความร่วมมืออันแข็งแกร่งในซัพพลายเชน มีการวางแผนที่แม่นยำ และเลือกระบบขนส่งที่ไว้ใจได้ การนำ JIT มาปรับใช้ก็เปรียบเสมือนการปูทางไปสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงานในยุคสมัยใหม่ได้อย่างแท้จริง


บทความที่เกี่ยวข้อง
ระบบ ลีน ( LEAN )  มีประโยนช์ต่อการขนอย่างอะไรบ้าง ?
เป็นแนวคิดในการบริหารจัดการ โดยเน้นการ กำจัดความสูญเปล่า (Waste) และ เพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า (Customer Value) โดยใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุด
ใบบัว ( นักศึกษาฝึกงาน )
15 ก.ค. 2025
AI พัฒนาการขนส่งได้มากกว่าที่คิด
AI (ปัญญาประดิษฐ์) มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการขนส่งในหลายด้าน ทั้งด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ต่อไปนี้คือวิธีหลัก ๆ ที่ AI ช่วยพัฒนาการขนส่ง
ใบบัว ( นักศึกษาฝึกงาน )
14 ก.ค. 2025
Ai ทำอะไรได้บ้างจะช่วยพัฒนาขนส่งอย่างไร
ปัจจุบัน AI ได้เข้ามาเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่ทำให้ทุกการเคลื่อนย้ายมีประสิทธิภาพ, รวดเร็ว และแม่นยำยิ่งขึ้น
ฟ่าง (นักศึกษาฝึกงาน)
14 ก.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ