Warehouse KPI ที่คุณควรติดตาม ถ้าอยากให้คลังทำกำไร
อัพเดทล่าสุด: 5 ก.ค. 2025
68 ผู้เข้าชม
คลังสินค้าไม่ได้เป็นแค่ที่เก็บของ แต่คือหัวใจของธุรกิจที่ช่วยสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า และลดต้นทุนได้อย่างมหาศาล ถ้าคลังของคุณ "ไม่มีกำไร" หรือ "ไร้ประสิทธิภาพ" อาจเพราะคุณยังไม่ได้ติดตาม KPI (Key Performance Indicators) ที่ถูกต้อง
มาดูกันว่า Warehouse KPI อะไรบ้างที่คุณ ควรติดตามอย่างใกล้ชิด หากอยากให้คลัง "ทำงานแบบลีน และทำกำไรได้จริง"
1. Order Cycle Time (เวลาตั้งแต่รับคำสั่งซื้อจนถึงส่งของ)
เหตุผลที่ควรติดตาม: ลูกค้าในยุคออนไลน์คาดหวังความเร็ว! ยิ่งคุณจัดส่งเร็วเท่าไหร่ ความพึงพอใจและยอดขายก็จะสูงขึ้นเท่านั้น
แนวทางปรับปรุง: ปรับการวางสินค้าในคลังให้เหมาะกับความถี่ในการสั่งซื้อ (slotting) หรือใช้ระบบ WMS ช่วยในการจัดเส้นทางหยิบของ
2. Order Picking Accuracy (ความแม่นยำในการหยิบสินค้า)
เหตุผลที่ควรติดตาม: การส่งของผิด = ค่าใช้จ่ายซ่อนเร้น เช่น ค่าขนส่งคืน / ค่าเสียชื่อเสียง / เวลาจัดส่งใหม่
เป้าหมายที่ดี: มากกว่า 99% ขึ้นไป
3. Inventory Accuracy (ความถูกต้องของสต็อก)
เหตุผลที่ควรติดตาม: หากสต็อกไม่ตรง ระบบจะรับออเดอร์เกิน/ขาด ทำให้เกิดปัญหาในการจัดส่ง และพลาดโอกาสขาย
เครื่องมือช่วย: ใช้ระบบสแกนบาร์โค้ด และตรวจนับสต็อกแบบ Cycle Count แทนการตรวจปีละครั้ง
4. Dock-to-Stock Time (เวลาตั้งแต่ของมาถึง จนเก็บเข้าคลังเรียบร้อย)
เหตุผลที่ควรติดตาม: ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งพร้อมขายไว และลดปัญหาของเสียจากการค้างที่ท่าโหลด
เทคนิคแนะนำ: ปรับกระบวนการ inbound และตรวจเช็คให้ lean ขึ้น เช่น แยกพื้นที่รับสินค้าแบบ Fast lane
5. Labor Productivity (ประสิทธิภาพแรงงาน)
เหตุผลที่ควรติดตาม: คนคือค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในคลัง การรู้ว่า 1 คนทำงานได้เท่าไหร่ต่อวัน จะช่วยวางแผนเพิ่มหรือลดคนให้เหมาะสม
หน่วยที่นิยมใช้: จำนวนออเดอร์ต่อคนต่อวัน หรือจำนวนชิ้นต่อคนต่อชั่วโมง
6. Warehouse Space Utilization (การใช้พื้นที่ในคลัง)
เหตุผลที่ควรติดตาม: พื้นที่ว่างไม่ได้ใช้ก็เท่ากับ จ่ายค่าเช่าเปล่า หรือจัดวางของไม่ดี ก็อาจทำให้คลังดูเต็มเร็วเกินจริง
ตัวอย่างแนวคิด Lean: ใช้ชั้นวางปรับระดับได้, จัดวางตาม SKU velocity, พิจารณาใช้คลังแนวสูง (Vertical Storage)
สรุป
KPI ไม่ใช่แค่ตัวเลขในรายงาน แต่คือ "แว่นขยาย" ที่จะช่วยให้คุณเห็นปัญหาในคลังแบบชัดเจน และแก้ไขได้อย่างแม่นยำ หากคุณอยากให้คลังของคุณ ทำกำไรได้จริง อย่าลืมติดตาม KPI เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงทุกจุดที่มีผลต่อเวลา ค่าแรง และความแม่นยำ
มาดูกันว่า Warehouse KPI อะไรบ้างที่คุณ ควรติดตามอย่างใกล้ชิด หากอยากให้คลัง "ทำงานแบบลีน และทำกำไรได้จริง"
1. Order Cycle Time (เวลาตั้งแต่รับคำสั่งซื้อจนถึงส่งของ)
เหตุผลที่ควรติดตาม: ลูกค้าในยุคออนไลน์คาดหวังความเร็ว! ยิ่งคุณจัดส่งเร็วเท่าไหร่ ความพึงพอใจและยอดขายก็จะสูงขึ้นเท่านั้น
แนวทางปรับปรุง: ปรับการวางสินค้าในคลังให้เหมาะกับความถี่ในการสั่งซื้อ (slotting) หรือใช้ระบบ WMS ช่วยในการจัดเส้นทางหยิบของ
2. Order Picking Accuracy (ความแม่นยำในการหยิบสินค้า)
เหตุผลที่ควรติดตาม: การส่งของผิด = ค่าใช้จ่ายซ่อนเร้น เช่น ค่าขนส่งคืน / ค่าเสียชื่อเสียง / เวลาจัดส่งใหม่
เป้าหมายที่ดี: มากกว่า 99% ขึ้นไป
3. Inventory Accuracy (ความถูกต้องของสต็อก)
เหตุผลที่ควรติดตาม: หากสต็อกไม่ตรง ระบบจะรับออเดอร์เกิน/ขาด ทำให้เกิดปัญหาในการจัดส่ง และพลาดโอกาสขาย
เครื่องมือช่วย: ใช้ระบบสแกนบาร์โค้ด และตรวจนับสต็อกแบบ Cycle Count แทนการตรวจปีละครั้ง
4. Dock-to-Stock Time (เวลาตั้งแต่ของมาถึง จนเก็บเข้าคลังเรียบร้อย)
เหตุผลที่ควรติดตาม: ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งพร้อมขายไว และลดปัญหาของเสียจากการค้างที่ท่าโหลด
เทคนิคแนะนำ: ปรับกระบวนการ inbound และตรวจเช็คให้ lean ขึ้น เช่น แยกพื้นที่รับสินค้าแบบ Fast lane
5. Labor Productivity (ประสิทธิภาพแรงงาน)
เหตุผลที่ควรติดตาม: คนคือค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในคลัง การรู้ว่า 1 คนทำงานได้เท่าไหร่ต่อวัน จะช่วยวางแผนเพิ่มหรือลดคนให้เหมาะสม
หน่วยที่นิยมใช้: จำนวนออเดอร์ต่อคนต่อวัน หรือจำนวนชิ้นต่อคนต่อชั่วโมง
6. Warehouse Space Utilization (การใช้พื้นที่ในคลัง)
เหตุผลที่ควรติดตาม: พื้นที่ว่างไม่ได้ใช้ก็เท่ากับ จ่ายค่าเช่าเปล่า หรือจัดวางของไม่ดี ก็อาจทำให้คลังดูเต็มเร็วเกินจริง
ตัวอย่างแนวคิด Lean: ใช้ชั้นวางปรับระดับได้, จัดวางตาม SKU velocity, พิจารณาใช้คลังแนวสูง (Vertical Storage)
สรุป
KPI ไม่ใช่แค่ตัวเลขในรายงาน แต่คือ "แว่นขยาย" ที่จะช่วยให้คุณเห็นปัญหาในคลังแบบชัดเจน และแก้ไขได้อย่างแม่นยำ หากคุณอยากให้คลังของคุณ ทำกำไรได้จริง อย่าลืมติดตาม KPI เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงทุกจุดที่มีผลต่อเวลา ค่าแรง และความแม่นยำ
- เริ่มต้นที่การวัดผล แล้วจึงปรับกระบวนการ = เส้นทางสู่กำไรที่ยั่งยืนสำหรับคลังสินค้า
บทความที่เกี่ยวข้อง
กุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของ AI คือการเรียนรู้ที่จะ "คิดแบบ AI" ซึ่งไม่ใช่การทำให้เรากลายเป็นหุ่นยนต์ แต่คือการปรับเปลี่ยนมุมมองและวิธีคิดในการออกคำสั่ง (Prompt) จากการสื่อสารแบบมนุษย์ที่อาศัยบริบทที่ไม่ได้พูดออกมา ไปสู่การสื่อสารที่ชัดเจน, มีโครงสร้าง, และอิงตามข้อมูล เหมือนกับวิธีที่ AI ประมวลผลโลกใบนี้
17 ก.ค. 2025
เบื้องหลังที่สร้างความประทับใจได้ไม่แพ้กันคือ “คลังสินค้า” หรือ Fulfillment Center ที่ทำหน้าที่จัดการหลังบ้านให้ทุกคำสั่งซื้อถูกต้อง ตรงเวลา และน่าประทับใจ
19 ก.ค. 2025
ในธุรกิจขนส่งยุคใหม่ ความสะดวกและความรวดเร็วของการจัดส่งพัสดุไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ที่ความเร็วในการเคลื่อนที่ของสินค้า แต่ยังขึ้นกับเวลาที่เหมาะสมสำหรับผู้รับในการรับพัสดุด้วย ซึ่งหากเวลาจัดส่งไม่ตรงกับความสะดวกของผู้รับ
18 ก.ค. 2025