การใช้รถไฟฟ้าในการขนส่ง: ทางเลือกใหม่ที่น่าจับตามอง
แนวคิดเบื้องหลัง: รถไฟฟ้ากับการขนส่งแบบยั่งยืน
ก่อนอื่นเลย มาทำความเข้าใจกันนิดว่าทำไมใคร ๆ ถึงเชียร์ให้ใช้รถไฟฟ้าขนของกันนัก ก็เพราะแนวคิดหลัก ๆ ที่หนุนหลังมันมีอยู่ 3 อย่างเลย:
ระบบขนส่งที่ยั่งยืน (Sustainable Transport)
เน้นการขนส่งที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานสะอาด ลดการพึ่งพาน้ำมัน
โลจิสติกส์สีเขียว (Green Logistics)
ขนส่งของก็ต้องรักษ์โลก! แนวคิดนี้เน้นให้ทั้งระบบขนส่งลดมลพิษและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
ต้นทุนรวมตลอดอายุใช้งาน (Total Cost of Ownership)
บางทีของที่ดูแพงตอนแรก แต่ระยะยาวอาจคุ้มกว่า เช่น ค่าซ่อมบำรุงน้อย ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมัน ฯลฯ
ข้อดีของรถไฟฟ้าในการขนส่ง
พอพูดถึงข้อดี หลายอย่างมันก็ชัดเจนเลย เช่น:
เงียบ สะอาด ไม่ปล่อยควัน
หมดปัญหามลพิษทางอากาศและเสียง ยิ่งในเมืองใหญ่ยิ่งรู้สึกได้ชัดมาก
ประหยัดพลังงานกว่ารถน้ำมัน
เครื่องยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงมาก ใช้พลังงานคุ้มกว่ากันเยอะ
ค่าดูแลน้อยกว่า
ไม่มีน้ำมันเครื่อง ไม่มีท่อไอเสีย เปลี่ยนแบตอย่างเดียวจบ
เหมาะกับเส้นทางแน่นอนและระยะทางสั้นกลาง
เช่น ส่งของในเมือง ขนพัสดุในคลังสินค้า หรือขนของระหว่างสถานี
แล้วข้อเสียล่ะ? ก็มีอยู่นะ
ใช่ว่าจะเพอร์เฟกต์ไปหมด รถไฟฟ้าก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง:
ลงทุนเริ่มต้นสูง
ทั้งตัวรถและโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จหรือรางไฟฟ้า ต้องใช้เงินเยอะพอสมควร
วิ่งไกลไม่เท่ารถน้ำมัน
ถึงจะพัฒนาไปเยอะแล้ว แต่เรื่องระยะทางก็ยังเป็นจุดอ่อนอยู่ โดยเฉพาะถ้าวิ่งนอกเมืองไกล ๆ
ชาร์จนาน / ต้องวางแผนเส้นทางดี ๆ
ไม่เหมาะกับงานที่ต้องรีบเร่งหรือหยุดบ่อย ๆ ตลอดวัน
สรุปแบบเข้าใจง่าย
ถ้ามองไปข้างหน้า รถไฟฟ้าอาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในวงการขนส่งเลยก็ได้ ยิ่งในเมืองที่แออัด มีปัญหามลพิษ รถไฟฟ้านี่แหละคือคำตอบทั้งเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อม แม้ตอนนี้จะยังมีอุปสรรคบ้าง แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเรื่อย ๆ เชื่อว่าอีกไม่นานมันจะกลายเป็นเรื่องปกติแน่นอน
ใครที่อยู่ในสายโลจิสติกส์หรือขนส่ง อย่ามองข้ามรถไฟฟ้านะ เพราะนี่อาจเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนทั้งด้านธุรกิจและสิ่งแวดล้อมในอนาคต