การตลาดแบบ Inbound Marketing คืออะไร?
อัพเดทล่าสุด: 11 ต.ค. 2024
540 ผู้เข้าชม
การตลาดแบบ Inbound Marketing คืออะไร?
การตลาดในรูปแบบดึงดูด หรือ Inbound Marketing เน้นไปที่การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคอนเทนต์คุณภาพที่สื่อถึงสินค้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ การสร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้กับลูกค้า การสร้างมุมมองที่เป็นไปในทางบวกต่อสินค้า เช่น การทำคอนเทนต์ที่เน้นคุณภาพ มีความน่าสนใจ และมีเนื้อหาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในเวลาที่ใช่ โดยนำเสนอทั้งในรูปแบบของออฟไลน์และออนไลน์
เทคนิคทำการตลาดแบบ Inbound Marketing
ประโยชน์ของเทคนิคทำการตลาดแบบ Inbound Marketing
การตลาดแบบ Inbound Marketing แม้จะเป็นเทคนิควิธีทำการตลาดด้วยการแรงดึงดูด เพื่อให้คนแปลกหน้ากลายมาเป็นลูกค้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เทคนิคนี้จะเหมาะสำหรับธุรกิจทุกรูปแบบ เนื่องจากธุรกิจแต่ละรูปแบบก็จะมีวิธีการทำการตลาดและการขายที่แตกต่างกันไป ประกอบกับวิธีทำการตลาดด้วยการสร้างแรงดึงดูด ต้องใช้เวลานานอย่างน้อย 6 เดือน จนถึง 1 ปี จึงจะเห็นผลลัพธ์ ดังนั้นธุรกิจที่เหมาะทำการตลาดแบบ Inbound Marketing คือธุรกิจที่ลูกค้าต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ เช่น
BY : ICE
ที่มา : https://www.wisible.com
การตลาดในรูปแบบดึงดูด หรือ Inbound Marketing เน้นไปที่การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคอนเทนต์คุณภาพที่สื่อถึงสินค้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ การสร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้กับลูกค้า การสร้างมุมมองที่เป็นไปในทางบวกต่อสินค้า เช่น การทำคอนเทนต์ที่เน้นคุณภาพ มีความน่าสนใจ และมีเนื้อหาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในเวลาที่ใช่ โดยนำเสนอทั้งในรูปแบบของออฟไลน์และออนไลน์
เทคนิคทำการตลาดแบบ Inbound Marketing
- การดึงดูด หรือ Attract : เป็นขั้นตอนแรกของการตลาดแบบ Inbound Marketing โดยการทำคอนเทนท์ที่เน้นคุณภาพ เพื่อเปลี่ยนคนแปลกหน้า ให้กลายเป็นลูกค้าจากการเข้ามาชมสินค้าและบริการ เพราะข้อมูลเนื้อหาที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ ธุรกิจ รายละเอียดสินค้าบริการ ประสบการณ์ หรือการอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น คลิปวิดีโอ คลิปเสียง รูปภาพ อินโฟกราฟิก และอื่น ๆ สามารถดึงดูดความสนใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
- การเปลี่ยนสถานะ หรือ Convert : ในขั้นตอนนี้ เมื่อสามารถดึงดูดความสนใจ ทำให้คนเปลกหน้าเข้ามาชมมาสนใจแบรนด์ สนใจในตัวสินค้าและบริการ แบรนด์ต้องเปลี่ยนสถานะของคนแปลกหน้าให้กลายเป็นคนรู้จัก ผ่านเทคนิค Lead Generation ซึ่งเป็นกระบวนการที่จะดึงดูดให้คนสนใจสินค้าและบริการของเรา และทำให้เขาตัดสินใจซื้อในที่สุด
- ปิดการขาย หรือ Close : สำหรับขั้นตอนการปิดการขายนี้ หลังจากเปลี่ยนสถานะคนแปลกหน้า มาเป็นคนรู้จักแล้ว อย่าเพิ่งเร่งให้เขาเปลี่ยนมาเป็นลูกค้า เพราะไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะเป็นลูกค้าในตอนนี้ แบรนด์ต้องค่อย ๆ กระตุ้นด้วยคอนเทนต์ที่เน้นคุณภาพไปเรื่อย ๆ จนเกิดความต้องการจนกลายเป็นผู้มุ่งหวัง และเปลี่ยนสถานะมาเป็นลูกค้าในที่สุด
- เพิ่มความพึงพอใจ หรือ Delight : การเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า คือขั้นตอนสุดท้ายของเทคนิคทำการตลาดแบบ Inbound Marketing แม้เป้าหมายจะสำเร็จ เปลี่ยนคนแปลกหน้า กลายมาเป็นลูกค้าได้แล้ว หน้าที่ของแบรนด์ ควรมีการสานความสัมพันธ์ต่อทั้งในออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การทำคอนเทนต์พิเศษสำหรับลูกค้า เพื่อให้ลูกรักและชื่นชอบแบรนด์ ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน
ประโยชน์ของเทคนิคทำการตลาดแบบ Inbound Marketing
- ใช้คอนเทนต์ที่น่าสนใจเป็นตัวดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาหา ไม่ได้เริ่มจากงานขายแต่ช่วยแก้ปัญหาของลูกค้า ทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกรำคาญโฆษณา เพราะโฆษณาและคอนเทนต์สินค้าหรือบริการนั้นสามารถแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้
- ผู้บริโภคสามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น และมีข้อมูลจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ต่างๆ หรือวิธีการแก้ปัญหาในเบื้องต้น
- สร้างความมั่นใจและเชื่อใจให้กับลูกค้า เนื่องจากการทำคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า ช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกดีกับแบรนด์มากขึ้น
- สามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างมั่นคง
- เพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
การตลาดแบบ Inbound Marketing แม้จะเป็นเทคนิควิธีทำการตลาดด้วยการแรงดึงดูด เพื่อให้คนแปลกหน้ากลายมาเป็นลูกค้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เทคนิคนี้จะเหมาะสำหรับธุรกิจทุกรูปแบบ เนื่องจากธุรกิจแต่ละรูปแบบก็จะมีวิธีการทำการตลาดและการขายที่แตกต่างกันไป ประกอบกับวิธีทำการตลาดด้วยการสร้างแรงดึงดูด ต้องใช้เวลานานอย่างน้อย 6 เดือน จนถึง 1 ปี จึงจะเห็นผลลัพธ์ ดังนั้นธุรกิจที่เหมาะทำการตลาดแบบ Inbound Marketing คือธุรกิจที่ลูกค้าต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ เช่น
- ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
- ธุรกิจที่มีมูลค่าสูง เช่น การซื้อขายเครื่องประดับเพชร หรือทอง
- ธุรกิจให้คำปรึกษา
- การทำธุรกิจแบบ B2B
BY : ICE
ที่มา : https://www.wisible.com
บทความที่เกี่ยวข้อง
ในโลกการตลาดยุคดิจิทัล เราทุกคนต่างคุ้นเคยกับประโยคอมตะที่ว่า "Content is King" (คอนเทนต์คือราชา) ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ คอนเทนต์คุณภาพสูงคือสิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาหาแบรนด์ของคุณ สร้างความน่าเชื่อถือ และให้คุณค่าแก่ผู้ชม
แต่ในสมรภูมิการแข่งขันที่ดุเดือดในปัจจุบัน การมีเพียง "ราชา" อาจไม่เพียงพออีกต่อไป... เพราะสิ่งที่ทำให้แบรนด์ของคุณอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่การมีผู้ติดตาม แต่คือการมี "อาณาจักร" ที่แข็งแกร่ง และอาณาจักรนั้นก็คือ "Community" (ชุมชน) ของคุณนั่นเอง
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจว่าทำไมยุคนี้ "Content is King" จึงต้องตามมาด้วย "Community is Kingdom" และทำไม Community Marketing จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะสร้างปราการอันแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ของคุณ
17 ต.ค. 2025
ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสาร การเล่าเรื่อง (Storytelling) คืออาวุธสำคัญที่จะทำให้แบรนด์หรือเนื้อหาของคุณโดดเด่นและสร้างความผูกพันกับผู้คนได้ แต่เล่าไปแล้วเรื่องของคุณ "โดนใจ" กลุ่มเป้าหมายจริงหรือไม่? หรือเป็นเพียงการสื่อสารที่ผ่านเลยไปโดยไร้ความหมาย? การวัดผลไม่ใช่แค่การนับยอดไลก์ แต่คือการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อพัฒนาให้เรื่องเล่าของคุณทรงพลังยิ่งขึ้น บทความนี้จะเปิดเผย 5 วิธีเช็กสุดปัง ที่จะช่วยให้คุณรู้ทันทีว่าเรื่องเล่าของคุณ "เข้าถึง" และ "เข้าถึงใจ" พวกเขาได้มากแค่ไหน พร้อมทั้งแนะนำวิธีลงมือปฏิบัติจริงในแต่ละขั้นตอน!
17 ต.ค. 2025
ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันดุเดือดและผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดาย การมีแค่สินค้าหรือบริการที่ดีอาจไม่เพียงพออีกต่อไป สิ่งที่ทำให้แบรนด์หนึ่งโดดเด่นและครองใจลูกค้าได้อย่างยั่งยืนคือ "ความเป็นตัวตน" ที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ Brand Manifesto (คำประกาศตัวตนของแบรนด์) จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์ได้เปล่งเสียง "ทำไม" แบรนด์ถึงถือกำเนิดขึ้นมา และ "เชื่อมั่น" ในสิ่งใด Brand Manifesto ไม่ใช่เพียงแค่พันธกิจ (Mission) หรือวิสัยทัศน์ (Vision) แต่คือการประกาศหลักการ ปรัชญา และคุณค่าหลักของแบรนด์ออกมาอย่างเร้าใจและสร้างแรงบันดาลใจ แล้ว Brand Manifesto คืออะไร และจะสร้างคำประกาศที่ทรงพลังให้กับแบรนด์ของคุณได้อย่างไร? มาหาคำตอบกัน
16 ต.ค. 2025