แชร์

Brand Architecture 4 แบบ สร้างระบบแบรนด์ให้แข็งแกร่ง

ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
อัพเดทล่าสุด: 17 ม.ค. 2025
758 ผู้เข้าชม

Brand Architecture 4 แบบ สร้างระบบแบรนด์ให้แข็งแกร่ง

 

Brand Architecture หรือ โครงสร้างแบรนด์ คือ การออกแบบและจัดระเบียบความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์ต่างๆ ภายในองค์กร เพื่อให้เกิดความสอดคล้องและสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนแก่ผู้บริโภค โดยทั่วไปแบ่งโครงสร้างแบรนด์ออกเป็น 4 แบบหลัก ดังนี้

 

1. House of Brands (HoB)

ลักษณะ: แต่ละแบรนด์ในเครือมีความเป็นอิสระ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และไม่ได้เชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน

ตัวอย่าง: P&G ที่มีแบรนด์ย่อยหลากหลาย เช่น Tide, Pampers, Gillette โดยแต่ละแบรนด์มีการตลาดและการสื่อสารที่เป็นของตัวเอง

ข้อดี

  • ความยืดหยุ่นสูง สามารถสร้างแบรนด์ใหม่ได้ง่าย
  • ลดความเสี่ยงหากแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเกิดปัญหา

ข้อเสีย

  • ต้องใช้ทรัพยากรมากในการสร้างและบำรุงรักษาแบรนด์แต่ละแบรนด์
  • อาจทำให้เกิดความสับสนในหมู่ผู้บริโภค

 

2. Branded House

ลักษณะ: แบรนด์หลักมีความแข็งแกร่ง และแบรนด์ย่อยทั้งหมดจะใช้ชื่อและโลโก้ของแบรนด์หลัก
ตัวอย่าง: Virgin Group ที่มีแบรนด์ย่อยหลากหลาย เช่น Virgin Atlantic, Virgin Mobile โดยใช้ชื่อ Virgin เป็นหลัก

ข้อดี

  • สร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์หลัก
  • ลดค่าใช้จ่ายในการสร้างแบรนด์ใหม่

ข้อเสีย

  • ขาดความยืดหยุ่นในการสร้างแบรนด์ใหม่ที่แตกต่าง
  • หากแบรนด์หลักเกิดปัญหา จะส่งผลกระทบต่อแบรนด์ย่อยทั้งหมด

 

3. Endorsed Brand

ลักษณะ: แบรนด์ย่อยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ยังคงเชื่อมโยงกับแบรนด์หลักผ่านการรับรองหรือการสนับสนุน
ตัวอย่าง: Nestle ที่มีแบรนด์ KitKat, Nescafe โดย KitKat และ Nescafe มีเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่ยังคงใช้โลโก้ Nestle ร่วมด้วย

ข้อดี

  • สร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ย่อย
  • ช่วยให้แบรนด์หลักขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ได้ง่ายขึ้น

ข้อเสีย

  • อาจทำให้แบรนด์หลักดูซับซ้อนเกินไป

 

4. Sub-brand

ลักษณะ: แบรนด์ย่อยมีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์หลักอย่างใกล้ชิด แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชัดเจน
ตัวอย่าง: Toyota ที่มีแบรนด์ Lexus ซึ่งเป็นแบรนด์รถหรู

ข้อดี

  • ช่วยให้แบรนด์หลักเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน
  • สร้างความหลากหลายให้กับแบรนด์

ข้อเสีย

  • อาจเกิดความสับสนในหมู่ผู้บริโภคหากแบรนด์ย่อยมีความแตกต่างกันมากเกินไป

 

 

การเลือกใช้ Brand Architecture ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น กลยุทธ์ทางธุรกิจ, ขนาดขององค์กร, จำนวนแบรนด์, และกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าถึง การเลือกใช้โครงสร้างแบรนด์ที่เหมาะสมจะช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างความแข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

 
 
 




บทความที่เกี่ยวข้อง
"Smarketing" คืออะไร? หยุดสงครามน้ำลาย! เมื่อการตลาด (Marketing) กับการขาย (Sales) ต้องจับมือกันเพื่อ "ยอดขาย"
"ทีมการตลาดหา Lead มาไม่ดีเลย ลูกค้าไม่เห็นสนใจจริงสักคน!" "ทีมขายนั่นแหละ ไม่ยอมตาม Lead ที่ส่งไปให้ มัวแต่ทำอะไรอยู่!" บทสนทนาแนวนี้คือ "สงครามคลาสสิก" ที่เกิดขึ้นในหลายองค์กร จนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ความจริงแล้ว... นี่คือปัญหาใหญ่ที่กำลังกัดกินศักยภาพการเติบโตของบริษัทคุณอยู่ ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันสูง การที่สองแผนกสำคัญที่สุดในการสร้างรายได้ (การตลาดและทีมขาย) ไม่คุยกัน หรือทำงานขัดแข้งขัดขากันเอง คือการสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างมหาศาล วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ "Smarketing" (Sales + Marketing) กาวใจชั้นดีที่จะมาสลายกำแพงนี้ และผนึกกำลังทั้งสองทีมให้กลายเป็นหน่วยรบที่แข็งแกร่งที่สุด โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ "ยอดขาย" ที่พุ่งทะยาน
ร่วมมือ.jpg Contact Center
6 พ.ย. 2025
Pomelli โดย Google — ตัวช่วย AI ทำการตลาด สร้างคอนเทนต์ง่าย ๆ ใน 3 ขั้นตอน
Pomelli โดย Google — ตัวช่วย AI ทำการตลาด สร้างคอนเทนต์ง่าย ๆ ใน 3 ขั้นตอน
Screenshot_2025_09_02_160144_1.png พี่ปี
4 พ.ย. 2025
ถอดรหัส Humanized Storytelling: เล่าเรื่องอย่างไรให้แบรนด์เข้าไปนั่งในใจลูกค้า
ในยุคที่ผู้บริโภคถูกถล่มด้วยโฆษณาและคอนเทนต์นับพันชิ้นต่อวัน "การขายแบบตรงไปตรงมา" (Hard Sell) กำลังค่อยๆ หมดพลังลง ผู้คนเริ่มมองหา "ความเชื่อมโยง" ที่แท้จริง พวกเขาไม่ได้ซื้อแค่สินค้าหรือบริการ แต่พวกเขากำลัง "ซื้อ" เรื่องราว คุณค่า และตัวตนที่แบรนด์นำเสนอ
ร่วมมือ.jpg Contact Center
3 พ.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ