แชร์

สั่งของจากต่างประเทศอย่างไร ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า!?

อัพเดทล่าสุด: 5 ต.ค. 2024
3415 ผู้เข้าชม
การช้อปสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศในยุคนี้ค่อนข้างสะดวกสบาย เพราะสามารถเลือกซื้อได้จากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางแพลตฟอร์ม Marketplace ในไทย อย่าง Shopee, Lazada, Taobao, Amazon และอีกมากมาย ที่สามารถซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้ง่าย ๆ  แต่ทุกครั้งที่สั่งของมาจากต่างประเทศ ควรจะต้องคำนึงถึงการชำระภาษีนำเข้าด้วยเสมอ

ภาษีนำเข้าคืออะไร?

          ภาษีนำเข้า คือ ภาษีที่รัฐเรียกเก็บจากผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยสินค้าแต่ละประเภทก็จะมีอัตราการชำระภาษีที่แตกต่างกัน ส่วนนี้ก็เพื่อปรับปรุงการค้าภายในประเทศ และเพื่อเป็นการส่งเสริมบางอุตสาหกรรมให้ดำเนินการต่อไปได้ อย่างเช่น รัฐยกเว้นภาษีให้กับเครื่องจักรการผลิต เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ เป็นต้น

สั่งของจากต่างประเทศเสียภาษีอย่างไร?

           ภาษีนำเข้าจะเกิดขึ้น เมื่อมีการซื้อของจากต่างประเทศกลับมายังไทยหรือสั่งซื้อของออนไลน์ที่ส่งมาจากต่างประเทศ ถ้าของที่นำเข้าไทยมานั้นมีมูลค่าสูงเกินที่กำหนดไว้เราจะต้องจ่ายภาษีเพื่อนำของชิ้นนั้นเข้าประเทศ โดยจะเสียให้กับกรมศุลกากร ทุกครั้งที่มีพัสดุเข้ามาจากต่างประเทศจะต้องผ่านการตรวจประเมินราคา จากนั้นจะส่งใบเรียกเก็บภาษีไปยังผู้รับ เพื่อมาชำระและรับของที่ไปรษณีย์

สินค้าราคาเท่าไหร่จึงจะเสียภาษี?

          หากราคาสินค้าที่นำเข้ามา มีมูลค่าเกิน 1,500 บาท จะต้องเสียภาษีตามอัตราประเภทสินค้าแต่ละชนิด โดยมี เทคนิคการสั่งของจากต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียภาษีแบบถูกต้อง คือ
  • 1.สั่งของไม่เกิน 1,500 บาท สั่งของจากต่างประเทศจะต้องคำนวณให้ดีเสมอ  กรมศุลกากรกำหนดราคาสินค้าทุกชนิด มูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายภาษีอากรนำเข้า
  • 2.สั่งของจากต่างประเทศ ผ่านบริการ  Shipping สำหรับผู้ที่สั่งสินค้าราคาเกิน 1,500 บาท ควรใช้บริการ Shipping ระหว่างประเทศ จ่ายแค่ค่าขนส่งอย่างเดียว โดยให้ Shipping เคลียร์เรื่องภาษีนำเข้าให้ได้เลย

อัตราภาษีนำเข้าสินค้าละประเภท
  • ภาษีนำเข้า 30% : เครื่องสำอาง หมวก น้ำหอม รองเท้า ผ้าห่ม ร่ม
  • ภาษีนำเข้า 20% : กระเป๋า
  • ภาษีนำเข้า 10% : CD DVD อัลบั้ม คอนเสิร์ต Power Bank หูฟัง Headphone Earphones ตุ๊กตา
  • ภาษีนำเข้า 5% : นาฬิกา แว่นตา แว่นกันแดด
  • ยกเว้นภาษีนำเข้า แต่เสีย VAT 7% : นิตยสาร Photobook คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ เมาส์

วิธีคำนวณภาษี

จำนวนเงินที่จะนำมาคิดภาษีนั้นจะมาจาก ราคาสินค้า+ค่าจัดส่ง+ค่าประกันภัย โดยมีเกณฑ์ง่าย ๆ ตามนี้
  • รวมกันไม่เกิน 1,500 บาท ไม่ต้องจ่ายภาษี
  • รวมกันแล้วเกิน 1,500 บาทขึ้นไป ต้องจ่ายภาษี

ถ้ามีการจ่ายภาษี จะมีภาษีที่ต้องจ่าย 2 รายการด้วยกัน คือ
  • ภาษีนำเข้า = ขึ้นอยู่กับประเภทของสิ่งของ
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (vat) = 7%

โดยสามารถคำนวณภาษีได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
  • ค่าสินค้ารวมค่าส่ง x อัตราภาษีนำเข้า (%) = ภาษีนำเข้า
  • ค่าสินค้ารวมค่าส่ง + ภาษีนำเข้าที่ต้องจ่าย x vat 7% = ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม


 

 



 BY : ICE

ที่มา : https://blog.boxme.asia/th

บทความที่เกี่ยวข้อง
ความสำคัญของประกันภัยสินค้า: จ่ายเพิ่มนิดหน่อย คุ้มค่าแค่ไหน?
ความสำคัญของประกันภัยสินค้า: จ่ายเพิ่มนิดหน่อย คุ้มค่าแค่ไหน? (เกราะป้องกันธุรกิจที่คุณต้องมี) Meta Description: ส่งของแต่ละที ต้องลุ้นตัวโก่ง? เจาะลึกความสำคัญของประกันภัยสินค้า (Cargo Insurance) ทำไมการจ่ายเบี้ยเพิ่มเพียงเล็กน้อย ถึงช่วยเซฟกำไรหลักแสนให้ธุรกิจคุณได้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
ไทก้า นักศึกษาฝึกงาน
11 ธ.ค. 2025
เลือก Partner ขนส่งอย่างไร? ให้ธุรกิจไม่สะดุดและเติบโตไว
เลือก Partner ขนส่งอย่างไร? ให้ธุรกิจไม่สะดุดและเติบโตไว (เช็คลิสต์ฉบับผู้ประกอบการ) Meta Description: เลือกบริษัทขนส่งผิด ชีวิตเปลี่ยน! พบกับ 5 วิธีเลือก Partner ขนส่งที่ "ใช่" ช่วยลดต้นทุน แก้ปัญหาของส่งช้า และพร้อมรองรับการเติบโตของธุรกิจคุณในระยะยาว
ไทก้า นักศึกษาฝึกงาน
10 ธ.ค. 2025
วิธีคำนวณค่าระวางสินค้า (Freight) เบื้องต้นที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้
วิธีคำนวณค่าระวางสินค้า (Freight) ฉบับเข้าใจง่าย: เจ้าของธุรกิจต้องรู้ ก่อนขาดทุนค่าส่ง! Meta Description: เคยสงสัยไหมทำไมของเบาแต่ค่าส่งแพง? เรียนรู้วิธีคำนวณค่าระวางสินค้า (Freight) และวิธีคิด CBM เบื้องต้น เทคนิคลดต้นทุนที่ช่วยให้คุณประเมินราคาขนส่งได้แม่นยำ ไม่โดนบวกเพิ่ม
ไทก้า นักศึกษาฝึกงาน
9 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ