แชร์

คาร์บอนฟุตพรินท์คืออะไร เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์อย่างไร

อัพเดทล่าสุด: 26 ก.ย. 2024
48 ผู้เข้าชม
คาร์บอนฟุตพรินท์คืออะไร เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์อย่างไร

คาร์บอนฟุตพรินท์ (Carbon Footprint) 

     คือ ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO) ที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ เช่น การใช้พลังงาน การผลิตสินค้า หรือการขนส่ง โดยวัดเป็นหน่วย "ตัน CO เทียบเท่า" (tCOe) ก๊าซเรือนกระจกนี้เป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก (Climate Change) เนื่องจากเป็นตัวดักจับความร้อนและทำให้โลกร้อนขึ้น

ความเกี่ยวข้องของคาร์บอนฟุตพรินท์กับโลจิสติกส์

     โลจิสติกส์ (Logistics) เป็นกระบวนการในการจัดการการขนส่งสินค้า การจัดเก็บ และการกระจายสินค้าต่างๆ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการปล่อยคาร์บอนฟุตพรินท์ในหลายด้าน ยกตัวอย่างเช่น

1.การขนส่งสินค้า

      การขนส่งสินค้าเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการสร้าง คาร์บอนฟุตพรินท์ เนื่องจากการขนส่งต้องใช้พลังงานในการเคลื่อนย้ายสินค้าจากแหล่งผลิตไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งส่วนใหญ่พลังงานที่ใช้มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน และก๊าซธรรมชาติ เชื้อเพลิงเหล่านี้เมื่อเผาไหม้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ  การใช้ยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น รถบรรทุก เรือ หรือเครื่องบิน ล้วนแต่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก โดยเฉพาะการขนส่งทางอากาศที่มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สูงมากเมื่อเทียบกับการขนส่งทางบกหรือทางน้ำ ที่เป็นตัวการสำคัญในการเพิ่มคาร์บอนฟุตพรินท์และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

2.การจัดเก็บสินค้า

     การจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้าหรือศูนย์กระจายสินค้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้าง คาร์บอนฟุตพรินท์ อย่างมาก เนื่องจากการจัดเก็บสินค้าต้องใช้พลังงานในการรักษาสภาพแวดล้อม การจัดการ และการเคลื่อนย้ายสินค้าในคลังสินค้า พลังงานที่ใช้ส่วนใหญ่มักมาจากแหล่งที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ไฟฟ้าที่ผลิตจากถ่านหิน น้ำมัน หรือก๊าซธรรมชาติ ซึ่งส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ

3.การบรรจุภัณฑ์

     การบรรจุภัณฑ์ (Packaging) มีความเกี่ยวข้องกับ คาร์บอนฟุตพรินท์ อย่างมาก เนื่องจากกระบวนการผลิต การใช้ และการจัดการกับบรรจุภัณฑ์ส่งผลต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในหลายด้าน ยกตัวอย่างกระบวนการผลิตและการทิ้งบรรจุภัณฑ์ เช่น การใช้พลาสติกหรือวัสดุที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ง่าย จะสร้างของเสียและการปล่อยคาร์บอนเพิ่มเติมในกระบวนการผลิตและทำลาย

4.การจัดการโซ่อุปทาน

     การจัดการโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) มีความเกี่ยวข้องกับ คาร์บอนฟุตพรินท์ อย่างมาก เนื่องจากทุกขั้นตอนในโซ่อุปทาน ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การขนส่งสินค้า การจัดเก็บ ไปจนถึงการส่งมอบให้กับลูกค้า มีการใช้ทรัพยากรและพลังงานที่ส่งผลต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก กระบวนการเหล่านี้สามารถทำให้เกิดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO) และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มคาร์บอนฟุตพรินท์

ผลกระทบที่เกี่ยวข้อง

  • โลจิสติกส์ เป็นหนึ่งในสาขาที่มีการใช้พลังงานสูงและมีส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นจำนวนมาก การลดคาร์บอนฟุตพรินท์ในภาคโลจิสติกส์จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศ

  • การใช้กลยุทธ์ที่ลดการปล่อยคาร์บอนในโลจิสติกส์ เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน การจัดการขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้เทคโนโลยีสะอาดจะช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้

     ดังนั้น การลดคาร์บอนฟุตพรินท์ในโลจิสติกส์จึงไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในกระบวนการขนส่งอีกด้วย

 

 

 

BY : NOON (CC)

ที่มาของข้อมูล : chatgpt.com

บทความที่เกี่ยวข้อง
การใช้คลังสินค้าหุ่นยนต์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้า
การใช้หุ่นยนต์ในคลังสินค้า (Warehouse Robotics) ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการคลังสินค้าในหลายด้าน
11 ต.ค. 2024
Flexport แพลตฟอร์มด้านโลจิสติกส์อย่างไร
Flexport เป็นแพลตฟอร์มด้านโลจิสติกส์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการจัดการการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
11 ต.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ