แชร์

6 เทคโนโลยี ที่จะมาเปลี่ยนการขนส่ง

อัพเดทล่าสุด: 29 ก.ค. 2024
897 ผู้เข้าชม

มีองค์ประกอบที่พอสรุปได้ด้วยกัน 6 ประการ ดังนี้

1. Vehicle-to-Infrastructure (V2I) Communication

เป็น การเชื่อมโยงรถยนต์บรรทุกกับเทคโนโลยีพื้นฐานต่างๆ ที่เป็นไปได้ เช่น ระบบ GPS ระบบตรวจจับตำแหน่งรถยนต์บรรทุกและตำแหน่งถนนแบบอัตโนมัติ สามารถช่วยในการตรวจสอบความคับคั่งของการจราจร สร้างให้เกิดความปลอดภัยในการขนส่ง เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการที่สูงขึ้นของรถยนต์บรรทุกและผู้ขับขี่

2. Vehicle-to-Vehicle (V2V) Communication

ความเชื่อมโยงด้วยระบบติดต่อสื่อสารระหว่างรถยนต์บรรทุกด้วยกันขณะออกให้บริการ ช่วยลดความเสี่ยงและลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยในการแบ่งปันข้อมูลการจราจร ตำแหน่งเส้นทางการเดินรถ ความสามารถในการใช้ความเร็ว การติดตั้งระบบควบคุมการขับขี่ (Cruise Control System) ระบบการหลบหลีกการชน (Collision Avoidance Systems) และระบบเรดาร์ (Radar System) นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงและอุบัติเหตุแล้ว ยังช่วยในเรื่องความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์บรรทุก ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้บ้างแล้ว

3. Remote Diagnostics

เทคโนโลยีควบคุมรถยนต์บรรทุกทางไกลด้วยอุปกรณ์ทางเทคนิค ช่วยให้การดูแล บำรุงรักษารถเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้งานรถบรรทุกโดยไม่จำเป็น ลดเวลาการให้บริการและลดต้นทุนการดูแล บำรุงรักษา รถยนต์บรรทุก ช่วยในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสภาพรถยนต์บรรทุก ลักษณะการใช้รถยนต์บรรทุก สามารถนำข้อมูลมาใช้ในการวิเคราะห์ ให้โรงงานผลิต สามารถสร้างการควบคุมทางไกลผ่านเครื่องมืออีเล็กทรอนิกส์

4. Autonomous driving

เทคโนโลยีรถยนต์บรรทุกขับเคลื่อนด้วยตัวเอง เป็นเทคโนโลยีที่มีการทำงานผสมผสานกันระหว่างเรดาร์หรือเลเซอร์ตรวจจับ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว กล้อง เซ็นเซอร์ รวมถึงแผนที่ 3 มิติ ซึ่งอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีทั้งหมดเหล่านี้ จะเปลี่ยนระบบการขนส่งไปสู่ยุคแห่งการที่รถยนต์บรรทุกสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวมันเองหรือไร้คนขับ เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ของวงการอุตสาหกรรมการขนส่ง ซึ่งการทดสอบบนถนนสายแรกได้มีการเริ่มต้นไปแล้ว

5. The Integrated Supply Chain

มีความเป็นไปได้ว่าอีกไม่นานจากนี้ จะมีความเชื่อมโยงกันของข้อมูลด้านโลจิสติกแบบเรียลไทม์ ตลอดทั่วผู้ให้บริการขนส่งสินค้า ทั้งจากโรงงานผลิตสู่คลังเก็บสินค้า จากคลังเก็บสินค้าสู่ผู้จัดจำหน่าย และจากผู้จัดจำหน่ายไปจนสิ้นสุดยังลูกค้าผู้ต้องการใช้สินค้า เมื่อใดที่ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อสินค้าไปยังโรงงานผู้ผลิต โรงงานผู้ผลิตจะสามารถส่งข้อมูลการส่งสิ้นค้าให้แก่ผู้ลูกค้าได้ทันที หากมีปัญหาด้านการจราจรหรืออุบัติเหตุ ที่จะทำให้การส่งสินค้าคลาดเคลื่อนไป ระบบสามารถตรวจสอบและปรับเปลี่ยนการขนส่งใหม่และเวลาให้แก่ลูกค้าใหม่ในทันที

6. Automated Freight Matching

ความสามารถในการสื่อสารข้อมูลระหว่างกันของระบบการบริหารจัดการที่รวดเร็วกับผู้จัดส่งสินค้า ด้วยระบบการจัดเก็บข้อมูล Cloud และการจับคู่ของระบบขนส่งแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ทราบว่ารถยนต์บรรทุกสามารถบรรทุกสินค้าได้มากน้อยแค่ไหนเพียงใดผ่านตัวเซ็นเซอร์ สามารถรู้ว่าพื้นที่ของรถยนต์บรรทุกสามารถรับน้ำหนักได้เพียงพอหรือไม่ พร้อมให้บริการขนส่งได้ตามกำหนดการของรถยนต์บรรทุก สามารถประมาณการการส่งสินค้าจะมาถึงได้อย่างแม่นยำ รวมถึงให้ข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สามารถสื่อสารกันบนระบบฐานข้อมูลดิจิทัล สามารถจับคู่ของระบบการขนส่ง จาก Platform สู่ Platform อย่างลงตัว

 


BY : FAH

ที่มา : 360truck


บทความที่เกี่ยวข้อง
Global Supply Chain 2025 แนวโน้มใหม่ที่ผู้ประกอบการต้องรู้
อัปเดตแนวโน้มซัพพลายเชนโลกปี 2025 ทั้งเรื่องเทคโนโลยี ความยั่งยืน และการปรับตัวต่อความเสี่ยงระดับโลก
ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
6 พ.ย. 2025
Sustainable Supply Chain: เมื่อความยั่งยืนกลายเป็นกลยุทธ์ธุรกิจระดับโลก
ทำความเข้าใจ “Sustainable Supply Chain” แนวคิดใหม่ที่รวมสิ่งแวดล้อมเข้ากับการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งต่อโลกและองค์กร
ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
6 พ.ย. 2025
Resilient Supply Chain คืออะไร? ทำไมซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่นถึงเป็นเรื่องสำคัญในปี 2025
ค้นหาความหมายของ “Resilient Supply Chain” และเหตุผลที่องค์กรทั่วโลกต้องสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นเพื่อรับมือความไม่แน่นอนในปี 2025
ร่วมมือ.jpg เหมาคัน
6 พ.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ