ระบบสั่งงานด้วยเสียง เป็นการอำนวยความสะดวกจากการประยุกต์ใช้ AI ที่ช่วยให้มนุษย์ทำหลายสิ่งหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาในการต้องจัดการสิ่งต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสอบถามข้อมูลจาก Google ที่พร้อมตอบคำถามได้โดยไม่ต้องอาศัยการพิมพ์หลายขั้นตอน หรือการสั่งการผู้ช่วยในการสั่งงานด้วยเสียงให้เปิดปิดระบบต่างๆ ในบ้านได้อย่าวรวดเร็วไม่ว่าผู้ใช้งานจะอยู่ส่วนไหนของบ้านก็สะดวกสบาย
1.การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้า
AI ช่วยลดเวลาในการจัดการสายโทรเข้า (average handle time) และเพิ่มความถูกต้องในการให้คำตอบที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งทำให้สามารถเพิ่มพฤติกรรม Net Promoter Score (NPS) และ First Call Resolution (FCR) ได้มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพทางธุรกิจของบริษัทได้โดยตรง.
2.การลดค่าใช้จ่าย
การใช้ AI ในการจัดการสายโทรเข้าช่วยลดต้นทุนจากการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น และลดการควบคุมต้นทุนในการทำงานที่ต้องทำทางไกลหรือนอกเวลาด้วยความไม่เสมอภาค ทำให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการจัดการทรัพยากร.
3.การพัฒนาและปรับปรุงต่อไป
AI ไม่ใช่เพียงเครื่องมือที่ใช้ง่ายและทำงานในทันที แต่เป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่ต้องมีการพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา.
4.การปรับใช้เทคโนโลยีใหม่
AI ช่วยให้ Contact Center มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น Chatbot หรือ Voice AI ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี.
5. การปรับใช้กับการใช้เสียง
เสียงเป็นสื่อที่มีความนิยมและทรงพลังที่สุดสำหรับการช่วยเหลือลูกค้า ซึ่ง AI ที่ใช้เสียงจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การติดต่ออย่างมีประสิทธิภาพ.
ดังนั้น การใช้ AI ใน Contact Center ไม่เพียงแค่ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นกลยุทธ์ที่สามารถพัฒนาและปรับปรุงได้ต่อไปเพื่อให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย.
ที่มา: chatgpt