แชร์

การขนส่งสินค้าแบบ CIF (Cost Insurance and Freight)

อัพเดทล่าสุด: 16 ก.ค. 2024
3331 ผู้เข้าชม

CIF ย่อมาจาก Cost Insurance and Freight เป็นเงื่อนไขการค้าระหว่างประเทศประเภทหนึ่ง ระบุถึงความรับผิดชอบในการส่งมอบสินค้าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง CIF หมายถึง ค่าใช้จ่าย ประกันภัย และค่าขนส่ง หมายความว่า ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในการขนส่งสินค้าทางทะเลหรือทางน้ำในแผ่นดิน จากท่าเรือต้นทางไปยังท่าเรือปลายทางที่ระบุไว้ รวมถึงค่าระวางสินค้า ค่าธรรมเนียมท่าเรือ ค่าประกันสินค้า และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง เมื่อสินค้าถูกขนส่งขึ้นเรือที่ท่าเรือต้นทาง ถือว่าผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าให้กับผู้ซื้อเรียบร้อยแล้ว ผู้ซื้อมีหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เหลือ เช่น ภาษีนำเข้า และค่าขนส่งสินค้าจากท่าเรือปลายทางไปยังคลังสินค้า

 

ข้อดีของการใช้ CIF

  • ความชัดเจน : เงื่อนไข CIF กำหนดความรับผิดชอบและค่าใช้จ่ายได้ชัดเจน ช่วยลดข้อพิพาทระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ
  • ความสะดวก : ผู้ขายจัดการเรื่องประกันสินค้าให้เรียบร้อย ผู้ซื้อไม่ต้องกังวล
  • ความเสี่ยง : ผู้ขายรับผิดชอบความเสี่ยงของสินค้าจนกว่าจะถึงท่าเรือปลายทาง ผู้ซื้อมีความเสี่ยงน้อย

ข้อเสียของการใช้ CIF

  • ค่าใช้จ่าย : ผู้ขายอาจเสนอราคา CIF ที่สูงกว่า CFR เพราะต้องรับผิดชอบค่าประกันสินค้า
  • ความยุ่งยาก : ผู้ขายต้องจัดการเรื่องประกันสินค้า ซึ่งอาจยุ่งยาก

ตัวอย่าง

บริษัท A ในประเทศไทย ขายเฟอร์นิเจอร์ให้กับบริษัท B ในประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้เงื่อนไข CIF

ผู้ขาย (บริษัท A) มีหน้าที่

  • บรรจุเฟอร์นิเจอร์ลงในตู้คอนเทนเนอร์
  • ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง
  • ชำระค่าธรรมเนียมท่าเรือแหลมฉบัง
  • โหลดตู้คอนเทนเนอร์ลงบนเรือ
  • ชำระค่าระวางสินค้า
  • ทำประกันสินค้า

ผู้ซื้อ (บริษัท B) มีหน้าที่

  • ชำระภาษีนำเข้า
  • ขนส่งสินค้าจากท่าเรือลอสแองเจลิสไปยังคลังสินค้า

 

ความแตกต่างระหว่าง CIF กับ CFR

ค่าใช้จ่าย

  • CIF : ผู้ขายรับผิดชอบค่าขนส่งสินค้า ค่าประกันสินค้า และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง
  • CFR : ผู้ขายรับผิดชอบค่าขนส่งสินค้า แต่ไม่รวมค่าประกันสินค้า

ความเสี่ยง

  • CIF : ผู้ขายรับผิดชอบความเสี่ยงของสินค้าจนกว่าจะถึงท่าเรือปลายทาง
  • CFR : ผู้ซื้อรับผิดชอบความเสี่ยงของสินค้าหลังจากโหลดลงบนเรือ

การขนส่งสินค้าแบบ CIF เหมาะสำหรับธุรกรรมการค้าที่มีสินค้าที่ชัดเจน จุดส่งมอบสินค้าที่ชัดเจน ผู้ขายที่ต้องการควบคุมความเสี่ยง และผู้ซื้อที่ต้องการความสะดวก อย่างไรก็ตาม ผู้ขายและผู้ซื้อควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของสินค้า เส้นทางการขนส่ง และความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ก่อนตัดสินใจใช้เงื่อนไข CIF

 

แหล่งข้อมูล : https://www.customs.go.th/content.php?ini_content=customs_valuation_03&ini_menu=menu_customs_value&lang=th&left_menu=menu_customs_value_03


บทความที่เกี่ยวข้อง
คลังสินค้าแบบ Just-in-Time: ประหยัดจริงหรือเสี่ยงเกินไป?
หลายบริษัทเริ่มหันมาใช้ระบบคลังสินค้าแบบ Just-in-Time (JIT) เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน แต่ระบบนี้ก็มีคำถามตามมาว่า… “มันคุ้มค่าจริงไหม
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
17 ก.ค. 2025
การพัฒนางานด้วยองค์ความรู้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากน้อยเพียงใด
มากกว่าแค่ทำงานไว: องค์ความรู้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มากแค่ไหน? | Blog เราทุกคนต่างมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนถึงสามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นและก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่บางคนยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับงานกองโตในแต่ละวัน? คำตอบไม่ได้อยู่ที่การทำงานหนักขึ้น แต่อยู่ที่ "สินทรัพย์ที่มองไม่เห็น" นั่นคือ องค์ความรู้
ซาล(นักศึกษาฝึกงาน)
16 ก.ค. 2025
ด้านองค์ความรู้ในการพัฒนางานด้านการขนส่งให้มีประสิทธิภาพ(copy)
องค์ความรู้ในการพัฒนางานด้านการขนส่งให้มีประสิทธิภาพ สามารถครอบคลุมเนื้อหาทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติที่ส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพของระบบการขนส่ง ทั้งในด้านเวลา ต้นทุน ความปลอดภัย และการบริการ โดยสามารถสรุปได้เป็นหัวข้อสำคัญ ๆ
ใบบัว ( นักศึกษาฝึกงาน )
16 ก.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ