แชร์

คลังสินค้าแบบ Just-in-Time: ประหยัดจริงหรือเสี่ยงเกินไป?

S__2711596.jpg BS&DC SAI5
อัพเดทล่าสุด: 16 ก.ค. 2025
9 ผู้เข้าชม
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นทุกวัน หลายบริษัทเริ่มหันมาใช้ระบบคลังสินค้าแบบ Just-in-Time (JIT) เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน แต่ระบบนี้ก็มีคำถามตามมาว่า... "มันคุ้มค่าจริงไหม หรือแค่เพิ่มความเสี่ยงให้ธุรกิจ?"
ลองมาทำความเข้าใจข้อดี-ข้อเสียของคลังสินค้าแบบ Just-in-Time ไปด้วยกัน

Just-in-Time คืออะไร?
Just-in-Time หรือ JIT คือแนวคิดในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังโดย ลดสต็อกให้เหลือน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย หากเป็นไปได้ โดยสินค้า วัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนจะถูกส่งมาตรงเวลาตามที่ต้องการใช้จริง
แนวคิดนี้ได้รับความนิยมจากอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น Toyota ซึ่งสามารถลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างมาก

ข้อดีของระบบ JIT
 ลดต้นทุนการเก็บสินค้า
ไม่ต้องมีคลังสินค้าขนาดใหญ่ ลดค่าเช่าพื้นที่ ค่าไฟฟ้า ค่าดูแลรักษา ฯลฯ
 หมุนเวียนสินค้าเร็วขึ้น
ลดความเสี่ยงสินค้าคงค้าง เสียหาย หรือหมดอายุ
 เพิ่มความยืดหยุ่น
ปรับการสั่งซื้อและผลิตได้เร็วตามความต้องการของตลาด
 ลดปัญหาสินค้าเกินความต้องการ
ไม่มีสต็อกล้นคลัง หรือสั่งเกินที่จำเป็น

ความเสี่ยงของระบบ JIT
  ขาดสินค้าได้ง่าย
หากซัพพลายเออร์ส่งช้าหรือของขาดสต็อก จะกระทบกระบวนการผลิตหรือการขายทันที
  ต้องพึ่งพาซัพพลายเออร์สูง
ต้องแน่ใจว่าผู้ผลิตหรือขนส่งทำงานแม่นยำและตรงเวลา
  รับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ยาก
เช่น ภัยพิบัติ ปิดเมือง ชิ้นส่วนล่าช้า ทำให้ระบบสะดุดทันที
 ️ ต้นทุนขนส่งอาจเพิ่มขึ้น
เนื่องจากต้องจัดส่งบ่อยครั้งขึ้น เพื่อให้ตรงเวลาตามระบบ

แล้วควรใช้ JIT หรือไม่?
ขึ้นอยู่กับว่า...
  • ธุรกิจของคุณมีความแน่นอนในการสั่งซื้อและการผลิตมากน้อยแค่ไหน
  • ซัพพลายเชนของคุณมีความเสถียรหรือเปล่า
  • สามารถวางแผนล่วงหน้าและควบคุมเวลาส่งได้แม่นยำแค่ไหน
ถ้าคุณมีระบบที่แม่นยำ ข้อมูลเรียลไทม์ และซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้ JIT อาจช่วยให้ธุรกิจของคุณลดต้นทุนและทำงานอย่างลีนได้จริง
แต่ถ้ายังไม่มีความพร้อม การใช้ JIT อาจกลายเป็น "ดาบสองคม" ที่กระทบยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้า

สรุป: ประหยัดจริง แต่ต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี
คลังสินค้าแบบ Just-in-Time เป็นแนวคิดที่ดีในการเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ไม่ใช่สูตรสำเร็จสำหรับทุกธุรกิจ การวางแผนที่ดี และระบบซัพพลายเชนที่แข็งแรงคือหัวใจของความสำเร็จในระบบนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง
Backorder กับคลังสินค้า: สาเหตุ การป้องกัน และวิธีบริหาร
ในโลกของธุรกิจและการจัดการคลังสินค้า คำว่า "Backorder" หรือ การสั่งซื้อค้างส่ง แต่ถ้าบริหารไม่ดี อาจส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้า รายได้ และภาพลักษณ์ของธุรกิจ
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
17 ก.ค. 2025
การพัฒนางานด้วยองค์ความรู้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากน้อยเพียงใด
มากกว่าแค่ทำงานไว: องค์ความรู้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มากแค่ไหน? | Blog เราทุกคนต่างมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนถึงสามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นและก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่บางคนยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับงานกองโตในแต่ละวัน? คำตอบไม่ได้อยู่ที่การทำงานหนักขึ้น แต่อยู่ที่ "สินทรัพย์ที่มองไม่เห็น" นั่นคือ องค์ความรู้
ซาล(นักศึกษาฝึกงาน)
16 ก.ค. 2025
การยกระดับประสิทธิภาพด้านองค์กร ด้วยแนวทางพัฒนางานอย่างยั่งยืน(copy)
ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานไม่ใช่เพียงแค่การทำงานให้เร็วขึ้น แต่ต้องครอบคลุมถึงการทำงานที่ มีคุณภาพ ลดความผิดพลาด ใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ปาล์ม นักศึกษาฝึกงาน
16 ก.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ