การขนส่งวัตถุอันตราย: กฎหมายและข้อควรระวังที่ควรรู้

สรุปเรื่องต้องรู้! "การขนส่งวัตถุอันตราย" (Dangerous Goods): กฎหมาย และข้อควรระวังที่ห้ามมองข้าม
การขนส่งสินค้าทั่วไปว่ายากแล้ว แต่การ "ขนส่งวัตถุอันตราย" (Dangerous Goods) นั้นยากและซับซ้อนยิ่งกว่าหลายเท่า! เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดเพียงนิดเดียว ไม่ใช่แค่สินค้าเสียหาย แต่อาจหมายถึงความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม รวมถึงบทลงโทษทางกฎหมายที่รุนแรง
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องขนย้ายสารเคมี, แบตเตอรี่, วัตถุไวไฟ หรือก๊าซต่างๆ วันนี้เราสรุปข้อกฎหมายและสิ่งที่คุณต้องระวังมาให้แล้ว เพื่อให้ธุรกิจของคุณดำเนินต่อไปได้อย่างปลอดภัยและถูกกฎหมายครับ
1. รู้จักประเภทของวัตถุอันตราย (UN Class)
ก่อนจะขนส่ง ต้องรู้ก่อนว่าสินค้าของคุณจัดอยู่ในประเภทไหน ตามมาตรฐานสากล (UN Recommendation) แบ่งออกเป็น 9 ประเภทหลักๆ เช่น:
Class 2: ก๊าซ (เช่น ถังออกซิเจน, LPG)
Class 3: ของเหลวไวไฟ (เช่น น้ำมัน, ทินเนอร์, สี)
Class 8: สารกัดกร่อน (เช่น กรดต่างๆ)
การระบุประเภทที่ถูกต้อง จะนำไปสู่การติดป้ายสัญลักษณ์บนรถและการเตรียมอุปกรณ์ดับเพลิงที่เหมาะสม
2. กฎหมายและเอกสารสำคัญที่ "ต้องมี"
กฎหมายไทยเข้มงวดมากในเรื่องนี้ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับหนักและจำคุก สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ:
ใบอนุญาตขับรถชนิดที่ 4 (ท.4): พนักงานขับรถต้องผ่านการอบรมและได้รับใบอนุญาตสำหรับขับรถขนส่งวัตถุอันตรายโดยเฉพาะ (ไม่สามารถใช้ใบขับขี่ประเภทอื่นแทนได้)
เอกสารกำกับการขนส่ง (Transport Document): ต้องระบุชื่อที่ถูกต้องของสาร (Proper Shipping Name), หมายเลข UN, และระดับความเป็นอันตราย
เอกสารข้อมูลความปลอดภัย (SDS / MSDS): ต้องมีติดรถเสมอ เพื่อให้ข้อมูลการปฐมพยาบาลและการจัดการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
3. มาตรฐานตัวรถและอุปกรณ์ความปลอดภัย
ไม่ใช่รถกระบะหรือรถบรรทุกคันไหนก็ขนได้! รถที่ใช้ขนส่งวัตถุอันตรายต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดกรมการขนส่งทางบก:
ป้ายสัญลักษณ์ (Placards): ต้องติดป้ายแสดงประเภทวัตถุอันตรายที่ชัดเจน มองเห็นได้ง่ายรอบคัน
อุปกรณ์ฉุกเฉิน: ต้องมีถังดับเพลิง กรวยยาง และอุปกรณ์ระงับเหตุเบื้องต้นติดรถเสมอ
ระบบ GPS Tracking: เพื่อติดตามพิกัดและความเร็วตลอด 24 ชั่วโมง
4. ข้อควรระวังและการจัดการบรรจุภัณฑ์ (Packaging)
บรรจุภัณฑ์ต้องได้มาตรฐาน: ทนทาน ไม่รั่วซึม และทนต่อปฏิกิริยาเคมีของสินค้านั้นๆ
การจัดเรียงสินค้า (Stowage): ห้ามวางปะปนกับสินค้าอาหาร หรือสินค้าที่อาจทำปฏิกิริยากัน (เช่น ห้ามวางสารไวไฟคู่กับสารช่วยให้ติดไฟ) และต้องมีการรัดตรึงสินค้าให้แน่นหนาป้องกันการเคลื่อนที่
สรุป: ความปลอดภัยคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด
การขนส่งวัตถุอันตรายมีความเสี่ยงสูง การเลือกใช้บริการ "มือสมัครเล่น" อาจนำมาซึ่งความเสียหายที่คุณประเมินค่าไม่ได้ การเลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาตถูกต้อง รถได้มาตรฐาน และคนขับผ่านการอบรม ท.4 จึงเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ
ไทก้า นักศึกษาฝึกงาน


Contact Center
