แชร์

การบริหารสต็อกสินค้า (Inventory Management) ให้สัมพันธ์กับการขนส่ง

noimageauthor ไทก้า นักศึกษาฝึกงาน
อัพเดทล่าสุด: 16 ธ.ค. 2025
10 ผู้เข้าชม

เชื่อม "สต็อก" กับ "ขนส่ง" ให้เป็นหนึ่งเดียว! เทคนิคบริหาร Inventory Management ให้ลดต้นทุนได้จริง
เคยสงสัยไหมครับ? ทำไมบางบริษัทขายดีแต่กำไรหดหาย หรือบางทีมีของเต็มโกดังแต่กลับส่งให้ลูกค้าไม่ทัน? คำตอบอาจอยู่ที่ "ความไม่สัมพันธ์กัน" ระหว่างการบริหารสต็อกสินค้า (Inventory Management) และระบบการขนส่ง (Logistics)

หลายคนมองว่าสองเรื่องนี้เป็นคนละส่วนกัน แต่ในความเป็นจริง "สต็อก" และ "ขนส่ง" คือหัวใจข้างซ้ายและขวาของธุรกิจ หากบริหารสต็อกไม่ดี รถขนส่งก็วิ่งเที่ยวเปล่า หรือหากวางแผนขนส่งพลาด สต็อกก็ล้นทะลักจนไม่มีที่เก็บ

วันนี้เราจะพาไปดูเทคนิคการปรับจูน Inventory Management ให้เข้าขากับระบบขนส่ง เพื่อให้ธุรกิจของคุณไหลลื่นและคืนกำไรกลับมาครับ

1. เข้าใจ Lead Time: กุญแจสำคัญของการสั่งของและส่งของ
หัวใจของการเชื่อมโยงสต็อกกับขนส่งคือคำว่า Lead Time (ระยะเวลารอคอยสินค้า) คุณต้องคำนวณให้แม่นยำว่า

ใช้เวลากี่วันในการผลิตหรือสั่งของมาเติม (Inbound)
ใช้เวลากี่วันในการแพ็คและขนส่งไปถึงลูกค้า (Outbound)
หากคุณรู้ Lead Time ของบริษัทขนส่งที่แน่นอน คุณจะสามารถกำหนดจุดสั่งซื้อซ้ำ (Re-order Point) ได้อย่างแม่นยำ ทำให้ไม่ต้องแบกรับต้นทุนการเก็บสต็อกที่มากเกินความจำเป็น (Overstock) และมั่นใจได้ว่าของจะไม่ขาดมือเมื่อรถขนส่งมารับ

2. จัดกลุ่มสินค้าด้วย ABC Analysis เพื่อเลือกวิธีขนส่งที่คุ้มค่า
สินค้าทุกชิ้นไม่ได้มีความสำคัญเท่ากัน ลองใช้หลักการ ABC Analysis แบ่งเกรดสินค้า:

Group A (กำไรสูง/ขายไว): ต้องมีสต็อกพร้อมเสมอ และควรเลือกใช้ ขนส่งที่รวดเร็วที่สุด แม้ต้นทุนจะสูงกว่านิดหน่อย แต่คุ้มค่ากับความพึงพอใจลูกค้า
Group C (กำไรน้อย/ขายนานๆ ที): ไม่จำเป็นต้องตุนของเยอะ อาจใช้ระบบ Pre-order หรือรอรอบขนส่งแบบเหมาเที่ยวเพื่อประหยัดค่าส่ง


3. จัดการพื้นที่คลังสินค้า ให้รถขนส่งทำงานง่าย (Warehouse Layout)
การบริหารสต็อกที่ดีต้องเอื้อต่อการขนส่งด้วย

วางสินค้า Fast-Moving (ขายดี) ไว้ใกล้จุดโหลดสินค้า (Loading Dock) เพื่อลดเวลาในการหยิบและขนย้าย
เคลียร์พื้นที่ทางเดินให้รถโฟล์คลิฟท์หรือพนักงานขนส่งทำงานได้สะดวก ความรวดเร็วในการโหลดของขึ้นรถ หมายถึงรถออกตัวได้เร็วขึ้น และสินค้าถึงมือลูกค้าไวขึ้น


4. ใช้ข้อมูล Real-time ลดความผิดพลาด
ยุคนี้การทำงานแบบ Manual อาจไม่ทันกิน การใช้ระบบจัดการสต็อกที่เชื่อมต่อข้อมูลกับบริษัทขนส่งได้จะช่วยลดปัญหา "รับออเดอร์แล้วไม่มีของส่ง" หรือ "ส่งผิดที่" ได้อย่างมาก เมื่อสต็อกตัดปุ๊บ ข้อมูลส่งต่อไปยังทีมแพ็คและทีมขนส่งทันที จะช่วยลดรอยต่อการทำงานที่ล่าช้าได้


สรุป: สต็อกที่ใช่ ในเวลาที่ชอบ ด้วยพาร์ทเนอร์ที่รู้ใจ
การบริหาร Inventory Management ให้สัมพันธ์กับการขนส่ง ไม่ใช่แค่เรื่องของการประหยัดเงิน แต่คือการสร้าง "ความน่าเชื่อถือ" ให้กับลูกค้า ว่าสั่งของกับคุณแล้วจะได้ของชัวร์และเร็ว
และถ้าคุณจัดการสต็อกได้ดีเยี่ยมแล้ว แต่ยังขาดพาร์ทเนอร์ด้านการขนส่งที่เข้าใจระบบงานของคุณ และพร้อมซัพพอร์ตให้สินค้ากระจายออกไปได้อย่างรวดเร็ว...


บทความที่เกี่ยวข้อง
COD คือดาบสองคม? เจาะลึกข้อดี-ข้อเสียของ "เก็บเงินปลายทาง" ที่ร้านค้าต้องรู้ ก่อนเปิดระบบรับทรัพย์
ประโยคเหล่านี้คือสิ่งที่แม่ค้าออนไลน์ได้ยินจนชินหู จากสถิติพบว่าคนไทยกว่า 60-70% ยังคงเลือกชำระเงินแบบ COD (Cash on Delivery) หรือเก็บเงินปลายทาง เพราะความอุ่นใจที่ว่า "เห็นของก่อนค่อยจ่าย"
ร่วมมือ.jpg Contact Center
17 ธ.ค. 2025
การสร้าง SOP ความปลอดภัยสินค้าเปราะบาง ลดแตกหัก ลดเคลม เพิ่มความเชื่อมั่น
แนวทางสร้าง SOP ความปลอดภัยสำหรับสินค้าเปราะบาง ลดความเสียหายระหว่างขนส่ง และเพิ่มความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
17 ธ.ค. 2025
Outsource vs In-house Driver เลือกแบบไหนเหมาะกับธุรกิจคุณ
เปรียบเทียบข้อดี–ข้อจำกัดของการใช้คนขับรถแบบ Outsource และ In-house Driver เพื่อช่วยตัดสินใจเลือกระบบขนส่งที่เหมาะกับธุรกิจ
ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
17 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ