FTL vs LTL: เหมาคัน หรือ ฝากส่ง แบบไหนเหมาะกับธุรกิจคุณ?

FTL vs LTL: เหมาคัน หรือ ฝากส่ง แบบไหนเหมาะกับธุรกิจคุณ? (คู่มือตัดสินใจฉบับเข้าใจง่าย)
หนึ่งในคำถามโลกแตกที่ผู้ประกอบการและจัดซื้อต้องเจอเสมอคือ "รอบนี้จะส่งแบบเหมาคัน (FTL) หรือฝากส่ง (LTL) ดี?" เพราะถ้าเลือกผิด อาจหมายถึงต้นทุนที่บานปลาย หรือสินค้าถึงมือลูกค้าล่าช้าจนเสียเครดิต
วันนี้ BS Express จะพามาเจาะลึกความแตกต่างระหว่างการขนส่งทั้ง 2 รูปแบบ เพื่อให้คุณเลือก "โซลูชัน" ที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับธุรกิจของคุณที่สุดครับ
1. FTL (Full Truckload) : เหมาคัน...เร็ว แรง ถึงใจ
FTL คืออะไร? คือการที่คุณ "เหมา" พื้นที่รถบรรทุกทั้งคันเพื่อขนสินค้าของคุณเพียงเจ้าเดียว ไม่ต้องแชร์พื้นที่กับใคร สินค้าเต็มคันหรือไม่เต็มคันก็จ่ายราคาเหมา
ข้อดี:
รวดเร็วที่สุด: รถวิ่งตรงจากจุดรับไปยังจุดส่ง (Point-to-Point) ไม่มีการแวะจอดส่งของที่อื่น
ปลอดภัยสูง: สินค้าไม่ถูกขยับเขยื้อน หรือปะปนกับสินค้าคนอื่น ลดความเสี่ยงในการสูญหายหรือเสียหาย
กำหนดเวลาได้: คุณเป็นคนกำหนดเวลาล้อหมุนได้เองตามความสะดวก
เหมาะกับใคร?
ธุรกิจที่มีสินค้าจำนวนมาก (เต็มคันหรือเกือบเต็ม)
สินค้าที่มีมูลค่าสูง แตกหักง่าย หรือต้องการความปลอดภัยพิเศษ
งานด่วนที่ต้องการกำหนดเวลาถึงปลายทางที่แน่นอน
2. LTL (Less Than Truckload) : ฝากส่ง...ประหยัด คุ้มค่า
LTL คืออะไร? คือการ "แชร์" พื้นที่รถบรรทุกร่วมกับเจ้าอื่น คุณจ่ายเงินตามพื้นที่หรือน้ำหนักที่สินค้าคุณใช้จริงเท่านั้น (คล้ายกับการส่งพัสดุแต่สเกลใหญ่กว่า)
ข้อดี:
ประหยัดต้นทุน: เหมาะมากสำหรับคนที่ของไม่เยอะ ไม่ต้องแบกรับค่ารถทั้งคัน จ่ายเท่าที่ใช้
ยืดหยุ่น: สามารถส่งของปริมาณน้อยๆ ได้บ่อยครั้ง ไม่ต้องรอรวบรวมของให้เต็มคันรถ
ข้อควรระวัง:
ใช้เวลานานกว่า: รถต้องแวะส่งสินค้าหลายจุด อาจใช้เวลาเดินทางนานกว่าแบบเหมา
ความเสี่ยงจากการขนย้าย: สินค้าอาจมีการขนถ่ายขึ้นลงหลายรอบ (Cross-docking) ต้องแพ็คสินค้าให้แน่นหนา
เหมาะกับใคร?
ธุรกิจ SME ที่ส่งของปริมาณไม่มาก (เช่น 1-5 พาเลท)
ธุรกิจที่ต้องการประหยัดงบประมาณขนส่ง
สินค้าทั่วไปที่ไม่รีบเร่งมากนัก
สรุป: เลือกอย่างไรให้คุ้ม?
เลือก FTL (เหมาคัน) เมื่อ: ของเยอะ (เกิน 10 พาเลท หรือน้ำหนักเยอะ), ของด่วน, ของแพง/แตกง่าย
เลือก LTL (ฝากส่ง) เมื่อ: ของน้อย (ไม่ถึงครึ่งคันรถ), ไม่รีบมาก, ต้องการเซฟงบ
ไทก้า นักศึกษาฝึกงาน



Contact Center