รู้หรือไม่? ทำไมเครื่องบินโดยสารบางลำถึงขนพัสดุไปด้วย
เวลาที่เราพูดถึง การขนส่งทางอากาศ คนส่วนใหญ่จะนึกถึงเครื่องบินขนส่งสินค้าโดยเฉพาะ หรือที่เรียกว่า Freighter แต่ความจริงแล้ว เครื่องบินโดยสารที่เราใช้เดินทางในชีวิตประจำวัน ก็มีบทบาทสำคัญในการขนส่งพัสดุด้วยเช่นกัน หลายคนอาจไม่เคยรู้เลยว่า ขณะที่เรานั่งเก้าอี้ชั้นประหยัดอยู่ด้านบน ด้านล่างท้องเครื่องกำลังบรรทุกสินค้านานาชนิดเดินทางไปพร้อมกับเรา
Belly Cargo พื้นที่ว่างที่สร้างรายได้
คำศัพท์สำคัญในวงการนี้คือ Belly Cargo หมายถึง พื้นที่บรรทุกใต้ห้องโดยสารของเครื่องบินโดยสาร ซึ่งเดิมทีออกแบบมาเพื่อเก็บสัมภาระผู้โดยสาร แต่ในหลายเที่ยวบินยังเหลือพื้นที่ว่างจำนวนมาก สายการบินจึงใช้โอกาสนี้บรรทุกพัสดุและสินค้าเพิ่มเข้าไปด้วย เพื่อให้การเดินทางแต่ละครั้ง คุ้มค่าที่สุด
เช่น เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปแฟรงก์เฟิร์ต อาจมีผู้โดยสารเต็มเกือบทุกที่นั่ง แต่ช่องเก็บสัมภาระไม่ได้ใช้เต็ม 100% จึงมีพื้นที่พอให้วางพัสดุหรือกล่องสินค้าขนาดเล็กถึงกลางได้หลายตัน
เหตุผลที่สายการบินเลือกขนพัสดุ
เพิ่มรายได้เสริม ราคาตั๋วเครื่องบินไม่สามารถพยุงต้นทุนทั้งหมดได้ การขนพัสดุจึงเป็นอีกหนึ่งรายได้หลัก โดยบางสายการบินทำรายได้จาก Cargo คิดเป็น 1020% ของรายได้รวม
ใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า เครื่องบินหนึ่งลำมีต้นทุนการบินสูง ไม่ว่าจะบรรทุกเต็มหรือครึ่งลำก็ต้องเผาเชื้อเพลิงพอ ๆ กัน การใช้พื้นที่ Belly Cargo ช่วยเพิ่มความคุ้มทุน
ตอบสนองความต้องการของตลาด พัสดุเร่งด่วนและสินค้าที่ต้องถึงเร็ว เช่น อะไหล่เครื่องจักร ยา วัคซีน หรือสินค้าราคาแพง มักเลือกการบินผู้โดยสารเพราะมีตารางบินถี่และแน่นอน
ตัวอย่างการใช้งานจริง
DHL และ FedEx: แม้จะมีเครื่องบินขนส่งเฉพาะ แต่ก็ยังใช้พื้นที่ Belly Cargo ของสายการบินพาณิชย์ควบคู่ เพื่อครอบคลุมเส้นทางที่ไม่มีเครื่องบินของตัวเองบิน
สายการบินการค้า (Commercial Airlines): เช่น Lufthansa, Singapore Airlines, Thai Airways ล้วนมีบริการ Cargo ที่บรรทุกไปพร้อมกับผู้โดยสาร
ช่วงโควิด-19: เนื่องจากความต้องการพัสดุสูง แต่การเดินทางของผู้โดยสารลดลง หลายสายการบินถึงขั้นถอดเบาะผู้โดยสารออก แล้วดัดแปลงห้องโดยสารให้บรรทุกกล่องแทน (Preighter = Passenger + Freighter)
แตกต่างจาก Freighter ยังไง?
แม้ว่า Belly Cargo จะมีประโยชน์มาก แต่ก็มีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับ เครื่องบินขนส่งสินค้าเต็มลำ (Freighter) ได้แก่
น้ำหนักและขนาด Belly Cargo บรรทุกได้จำกัด ไม่สามารถบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่อย่างเครื่องจักร หรือตู้คอนเทนเนอร์เต็มใบได้
การโหลดสินค้า Freighter มีประตูขนาดใหญ่และระบบโหลดอัตโนมัติ ขณะที่ Belly Cargo ต้องใช้วิธีบรรทุกกล่องเล็ก ๆ และใช้แรงงานมากกว่า
ความยืดหยุ่น Freighter สามารถกำหนดเส้นทางตามความต้องการสินค้า แต่ Belly Cargo ต้องผูกกับเส้นทางบินของผู้โดยสาร
ทำไมเรื่องนี้สำคัญต่อผู้บริโภค?
สิ่งที่เราซื้อออนไลน์ เช่น โทรศัพท์รุ่นใหม่, เสื้อผ้าแฟชั่นจากยุโรป, หรือแม้แต่ยาและวัคซีน ล้วนมีโอกาสเดินทางมากับเครื่องบินโดยสารที่คนทั่วไปนั่งอยู่ทุกวัน การใช้พื้นที่ Belly Cargo ช่วยให้สินค้ามาถึงมือผู้บริโภคได้เร็วขึ้น มีเส้นทางหลากหลาย และบางครั้งยังช่วยลดต้นทุนการขนส่ง
สรุป
การขนส่งพัสดุด้วยเครื่องบินโดยสารคือหนึ่งในกลยุทธ์อัจฉริยะของวงการโลจิสติกส์ มันทำให้การบินแต่ละครั้งคุ้มค่า ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้การค้าระหว่างประเทศเคลื่อนตัวได้รวดเร็วขึ้น ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณขึ้นเครื่องบิน อาจมีสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดหรือของขวัญออนไลน์ชิ้นหนึ่งกำลังเดินทางไปกับคุณโดยไม่รู้ตัว