วัดผลอย่างไร? 5 KPI ที่ธุรกิจต้องรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ "การขนส่งสินค้า"
วัดผลอย่างไร? 5 KPI ที่ธุรกิจต้องรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ "การขนส่งสินค้า"
"If you can't measure it, you can't improve it." (สิ่งที่คุณวัดผลไม่ได้ คุณก็ปรับปรุงมันไม่ได้) ประโยคอมตะจาก Peter Drucker บิดาแห่งการจัดการสมัยใหม่นี้ ยังคงเป็นความจริงเสมอ โดยเฉพาะในโลกของ "การขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์" ที่ทุกวินาทีและทุกบาททุกสตางค์ล้วนมีความหมาย
เจ้าของธุรกิจหลายคนมักมองการขนส่งเป็นเพียง "ต้นทุน" ที่ต้องจ่ายไป โดยดูแค่ตัวเลขสุดท้ายบนใบแจ้งหนี้ แต่ไม่เคยรู้เลยว่ากระบวนการขนส่งของตนเองนั้นมีประสิทธิภาพจริงๆ หรือไม่? มีคอขวดซ่อนอยู่ที่ไหน? หรือส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้าอย่างไร?
การเปลี่ยนจากการ "คาดเดา" มาสู่การ "ตัดสินใจด้วยข้อมูล" คือกุญแจสำคัญในการแข่งขันทางธุรกิจ บทความนี้จะแนะนำให้คุณรู้จักกับ 5 ตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน (KPIs - Key Performance Indicators) ด้านการขนส่งที่สำคัญ ที่ทุกธุรกิจไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ควรนำมาใช้ เพื่อวัดผล, ค้นหาจุดอ่อน, และเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งของคุณอย่างยั่งยืน
5 KPIs สำคัญที่ธุรกิจต้องวัดผล
1. อัตราการจัดส่งตรงเวลา (On-Time Delivery - OTD)
- คืออะไร?: เปอร์เซ็นต์ของจำนวนการจัดส่งที่ถึงมือผู้รับตรงตามเวลาที่กำหนดหรือสัญญาไว้
- ทำไมถึงสำคัญ?: นี่คือ KPI ที่ส่งผลโดยตรงต่อ ความพึงพอใจและเชื่อมั่นของลูกค้า มากที่สุด การจัดส่งที่ตรงต่อเวลาสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและความน่าเชื่อถือของแบรนด์คุณ
- วิธีคำนวณเบื้องต้น: (จำนวนออเดอร์ที่ส่งตรงเวลา / จำนวนออเดอร์ทั้งหมด) x 100
- เป้าหมาย: ควรตั้งเป้าให้สูงกว่า 95% ขึ้นไป
2. ต้นทุนต่อการจัดส่งหนึ่งครั้ง (Cost Per Shipment)
- คืออะไร?: ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการจัดส่งสินค้า 1 ออเดอร์ ซึ่งไม่ใช่แค่ค่าขนส่ง แต่ควรรวมถึงค่ากล่อง, ค่าวัสดุแพ็คกิ้ง, และค่าแรงของพนักงานในการจัดเตรียม
- ทำไมถึงสำคัญ?: ช่วยให้คุณเห็น ต้นทุนที่แท้จริง ของการขนส่ง และเป็นตัวเลขสำคัญในการนำไปวิเคราะห์เพื่อหาทางลดต้นทุน เช่น การเปลี่ยนขนาดกล่อง หรือการเจรจาต่อรองกับผู้ให้บริการขนส่ง
- วิธีคำนวณเบื้องต้น: (ค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งทั้งหมดใน 1 เดือน / จำนวนออเดอร์ทั้งหมดในเดือนนั้น)
3. อัตราความแม่นยำของออเดอร์ (Order Accuracy Rate)
- คืออะไร?: เปอร์เซ็นต์ของออเดอร์ที่ถูกจัดส่งไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์แบบ (ส่งสินค้าถูกชิ้น, ถูกจำนวน, ไม่มีความเสียหาย)
- ทำไมถึงสำคัญ?: การส่งของผิดพลาด 1 ครั้ง หมายถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมหาศาล ทั้งค่าส่งของคืน, ค่าส่งของใหม่, ค่าเสียเวลาของพนักงาน, และที่สำคัญที่สุดคือ ความเชื่อมั่นของลูกค้าที่ลดลง
- วิธีคำนวณเบื้องต้น: (จำนวนออเดอร์ที่จัดส่งถูกต้อง / จำนวนออเดอร์ทั้งหมด) x 100
- เป้าหมาย: ควรตั้งเป้าให้ใกล้เคียง 100% มากที่สุด
4. ระยะเวลาขนส่งเฉลี่ย (Average Transit Time)
- คืออะไร?: ระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่พัสดุใช้เดินทางจากคลังของคุณไปจนถึงมือผู้รับ
- ทำไมถึงสำคัญ?: เป็นตัวชี้วัด ความเร็ว ของห่วงโซ่อุปทานของคุณ ช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพของผู้ให้บริการขนส่งแต่ละเจ้า และใช้เป็นข้อมูลในการแจ้งกำหนดการถึงลูกค้าได้แม่นยำขึ้น
- วิธีคำนวณเบื้องต้น: (ผลรวมของระยะเวลาขนส่งของทุกออเดอร์ / จำนวนออเดอร์ทั้งหมด)
5. อัตราออเดอร์ที่สมบูรณ์แบบ (Perfect Order Rate - POR)
- คืออะไร?: นี่คือ "สุดยอด KPI" ที่รวมหลายๆ ข้อเข้าด้วยกัน โดยจะนับเฉพาะออเดอร์ที่ "สมบูรณ์แบบ" ในทุกมิติเท่านั้น คือ ส่งตรงเวลา + สินค้าถูกต้อง + ไม่เสียหาย + เอกสารถูกต้องครบถ้วน
- ทำไมถึงสำคัญ?: เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของกระบวนการโลจิสติกส์ทั้งหมดได้อย่างแท้จริง ตั้งแต่การรับออเดอร์, การจัดการคลัง, ไปจนถึงการจัดส่ง หาก KPI ข้อนี้มีคะแนนสูง แสดงว่าระบบโลจิสติกส์ของคุณยอดเยี่ยมมาก
- วิธีคำนวณเบื้องต้น: (จำนวนออเดอร์ที่สมบูรณ์แบบ / จำนวนออเดอร์ทั้งหมด) x 100
จะเริ่มวัดผล KPI เหล่านี้ได้อย่างไร?
- ใช้ข้อมูลจากพาร์ทเนอร์ขนส่ง: ผู้ให้บริการขนส่งมืออาชีพมักจะมี Dashboard หรือรายงานสรุปข้อมูลสำคัญๆ เช่น สถานะการจัดส่ง และเวลาที่ใช้ในการขนส่งให้คุณอยู่แล้ว
- ใช้ข้อมูลจากระบบของคุณ: ระบบจัดการออเดอร์หรือ E-commerce ของคุณคือแหล่งข้อมูลชั้นดีเกี่ยวกับความถูกต้องของสินค้า
- เริ่มต้นง่ายๆ: ไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมดในครั้งเดียว ลองเลือก KPI ที่สำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ 1-2 ข้อ (เช่น On-Time Delivery และ Order Accuracy) มาเริ่มวัดผลก่อนโดยใช้ Spreadsheet ธรรมดา แล้วค่อยๆ เพิ่มตัวชี้วัดอื่นๆ ในภายหลัง
การใช้ KPI ในการวัดผลการขนส่ง คือการเปลี่ยนจากการทำงานตามความรู้สึก มาสู่การบริหารจัดการด้วยข้อมูลจริง ซึ่งจะช่วยให้คุณมองเห็นปัญหาที่ซ่อนอยู่, ตัดสินใจได้อย่างเฉียบคม, และพัฒนากระบวนการได้อย่างตรงจุด การลงทุนเวลาในการวัดผลและวิเคราะห์ข้อมูลในวันนี้ คือการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อลดต้นทุนและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้าในวันข้างหน้า
โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-3039620
อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com
ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210
คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย!
https://www.bsgroupth.com/e-fulfillment-stock-pack-ship