แชร์

เต็มรถทุกเที่ยว (Maximize Load) กลยุทธ์สำคัญของธุรกิจขนส่งพัสดุ

Screenshot_2025_09_02_160144_1.png พี่ปี
อัพเดทล่าสุด: 3 ก.ย. 2025
226 ผู้เข้าชม

เต็มรถทุกเที่ยว (Maximize Load) กลยุทธ์สำคัญของธุรกิจขนส่งพัสดุ

ในธุรกิจรับส่งพัสดุ ต้นทุนหลักของการขนส่งมาจาก ค่าเชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษารถ และค่าแรงงานคนขับ
หากรถออกวิ่งแต่บรรทุกของไม่เต็ม รถจะสิ้นเปลืองต้นทุนโดยไม่ได้ใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า

ดังนั้น แนวคิด เต็มรถทุกเที่ยว (Maximize Load) จึงกลายเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจขนส่งสามารถ ลดต้นทุนต่อพัสดุ เพิ่มกำไร และสร้างความคุ้มค่าในทุกการวิ่งรถ

ทำไมต้อง Maximize Load?
1.ต้นทุนเฉลี่ยต่อพัสดุถูกลง
รถคันเดียวกันใช้น้ำมันและเวลาพอ ๆ กัน แต่ถ้าขนเต็มรถ ต้นทุนต่อชิ้นถูกลงทันที
2.กำไรเพิ่มขึ้น
พื้นที่รถที่เคยเหลือ ถูกเปลี่ยนเป็นรายได้จากพัสดุใหม่
3.ลดการวิ่งเที่ยวเปล่า
ทุกเที่ยวที่ออกไปจะมีพัสดุเต็มพื้นที่ ไม่มีต้นทุนสูญเปล่า
4.ใช้ทรัพยากรได้เต็มประสิทธิภาพ
รถ พนักงาน น้ำมัน ถูกใช้เต็มศักยภาพ ไม่ปล่อยให้สูญเปล่า

วิธีการทำให้ เต็มรถทุกเที่ยว
1.Consolidation (รวมพัสดุ)
รวมพัสดุจากหลายผู้ส่งในเส้นทางเดียว ออกไปเที่ยวเดียวเต็มรถ
2.แชร์พื้นที่รถ (Shared Load)
เปิดบริการขายพื้นที่เหลือในราคาพิเศษ ลูกค้ารายย่อยได้ใช้บริการถูกลง
3.Route Optimization (วางเส้นทางขนส่ง)
ใช้ซอฟต์แวร์หรือระบบช่วยวางเส้นทาง ลดเที่ยวซ้ำซ้อน เพิ่มปริมาณบรรทุกในเส้นทางเดียว
4.Milk Run (วิ่งเก็บ/ส่งหลายจุด)
รถวิ่งเส้นทางเดียวกัน เก็บและส่งหลายเจ้า พื้นที่รถถูกใช้ตลอดเส้นทาง
5.มาตรฐานการแพ็คพัสดุ
จัดการกล่องให้เป็นขนาดมาตรฐาน เพื่อจัดเรียงได้แน่น ลดพื้นที่เสียเปล่า

ตัวอย่าง เต็มรถทุกเที่ยว ในธุรกิจพัสดุ
กรณี A: กรุงเทพฯ ขอนแก่น
-หากลูกค้า A ส่ง 40 กล่อง รถยังว่าง
-รับเพิ่มจากลูกค้า B อีก 20 กล่องในเส้นทางเดียว รถเต็มคัน วิ่งคุ้มค่า

กรณี B: พื้นที่ในเมือง
-รถ 1 คันวิ่งเส้นทางลาดพร้าวรามอินทรามีนบุรี
-ระหว่างทางแวะรับพัสดุจาก 3 ร้านค้าออนไลน์ ทำให้รถไม่วิ่งเปล่า

ความท้าทายของ Maximize Load
-ต้องมีระบบจัดเก็บ/รวมงานที่ดี (มิฉะนั้นอาจล่าช้า)
-ต้องมีการสื่อสารกับลูกค้าเรื่องเวลาตัดรอบ เพื่อให้รวมงานได้ทัน
-ต้องฝึกทีมงานจัดเรียงพัสดุ (Loading) ให้ใช้พื้นที่เต็มจริง ไม่เหลือช่องว่าง

บทสรุป
กลยุทธ์ เต็มรถทุกเที่ยว (Maximize Load) คือการทำให้ทุกการวิ่งรถคุ้มค่าที่สุด โดยใช้ การรวมพัสดุ, การแชร์พื้นที่, การวางเส้นทาง และการจัดเรียงที่มีมาตรฐาน ร่วมกัน
ธุรกิจขนส่งพัสดุที่สามารถทำให้รถเต็มทุกเที่ยว จะได้ทั้ง ต้นทุนที่ต่ำลง กำไรที่สูงขึ้น และความพึงพอใจจากลูกค้า เพราะสามารถให้บริการที่ทั้งเร็วและคุ้มค่า


บทความที่เกี่ยวข้อง
FTL vs LTL: เหมาคัน หรือ ฝากส่ง แบบไหนเหมาะกับธุรกิจคุณ?
FTL vs LTL: เหมาคัน หรือ ฝากส่ง? เลือกแบบไหนให้ประหยัดต้นทุนและตอบโจทย์ธุรกิจ Meta Description: สับสนระหว่าง FTL (เหมาคัน) กับ LTL (ฝากส่ง) ใช่ไหม? เจาะลึกข้อดี-ข้อเสียของรูปแบบการขนส่งทั้ง 2 แบบ วิธีเลือกให้เหมาะกับปริมาณของ และเทคนิคลดต้นทุนขนส่งที่คุณต้องรู้
ไทก้า นักศึกษาฝึกงาน
6 ธ.ค. 2025
ส่งของชิ้นใหญ่/แตกหักง่าย ให้ถึงมือลูกค้าแบบ "ไร้รอยขีดข่วน" ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
ฝันร้ายของคนขายของชิ้นใหญ่ คือลูกค้าเปิดกล่องมาแล้วเจอ "ซาก" สำหรับร้านค้าที่ขายเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของแต่งบ้าน หรืออะไหล่ยนต์ การได้รับออเดอร์นั้นเป็นเรื่องน่าดีใจ แต่ช่วงเวลาที่น่ากังวลที่สุดคือ "ระหว่างทางขนส่ง" เพราะสินค้าที่มีขนาดใหญ่ (Bulky Items) หรือมีความเปราะบาง (Fragile) หากจัดการไม่ดี ความเสี่ยงที่จะเกิดรอยขีดข่วน บุบ หรือแตกหัก มีสูงมาก และความเสียหายนั้นไม่ได้จบแค่การเคลมสินค้า แต่มันหมายถึง "ความเชื่อมั่น" ของลูกค้าที่ลดลงทันที วันนี้ BS Group จะมาแชร์เทคนิคการเตรียมตัวและจัดการสินค้ากลุ่มนี้ ให้ถึงมือลูกค้าแบบปลอดภัย 100% เหมือนรับจากมือคุณเองครับ
ลูกดิว เด็กฝึกงาน
6 ธ.ค. 2025
 เส้นทางขนส่งยอดฮิตในไทย: ภาคไหนส่งยาก ภาคไหนส่งง่าย?
ส่งของไปเหนือ ล่องใต้ หรือไปอีสาน เส้นทางไหนหินที่สุด? วิเคราะห์เส้นทางขนส่งทั่วไทย เพื่อช่วยผู้ประกอบการวางแผนการจัดส่ง ลดความเสียหาย และประหยัดต้นทุน
ร่วมมือ.jpg Contact Center
5 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ