Big Data Analytics in Supply Chain Risk วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงในซัพพลายเชน
ซัพพลายเชน (Supply Chain) คือหัวใจของธุรกิจทุกประเภท แต่สิ่งที่ท้าทายคือ ความเสี่ยง (Risk) ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกวัน ตั้งแต่ภัยธรรมชาติ สงคราม โรคระบาด ราคาน้ำมันผันผวน ไปจนถึงความล่าช้าในการขนส่ง หากบริษัทไม่สามารถคาดการณ์และรับมือได้ทันที ย่อมส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงผู้บริโภคปลายน้ำ
นี่จึงเป็นที่มาของ Big Data Analytics หรือการใช้ ข้อมูลขนาดใหญ่ เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์และพยากรณ์ เพื่อทำให้ซัพพลายเชน ยืดหยุ่น (Resilient) และพร้อมรับมือความไม่แน่นอนในอนาคต
ความเสี่ยงในซัพพลายเชนที่พบบ่อย
ความเสี่ยงจากซัพพลายเออร์ (Supplier Risk) โรงงานหยุดผลิต วัตถุดิบขาดตลาด
ความเสี่ยงด้านโลจิสติกส์ (Logistics Risk) การขนส่งล่าช้า เส้นทางถูกปิด
ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risk) ค่าเงินและราคาน้ำมันผันผวน
ความเสี่ยงจากเหตุการณ์โลก (Global Disruption) โรคระบาด ภัยพิบัติ หรือสงคราม
Big Data Analytics ช่วยได้อย่างไร?
1.การคาดการณ์ความต้องการ (Demand Forecasting)
ระบบวิเคราะห์ข้อมูลการสั่งซื้อย้อนหลัง พฤติกรรมลูกค้า และเทรนด์เศรษฐกิจ ทำให้บริษัทสต็อกสินค้าได้พอดี ไม่มากเกินไปจนต้นทุนสูง และไม่น้อยเกินไปจนของขาด
2. การวิเคราะห์เส้นทางและเวลา (Logistics Optimization)
ข้อมูล GPS, สภาพอากาศ และการจราจรถูกนำมาประมวลผล เพื่อแนะนำเส้นทางที่เร็วและปลอดภัยที่สุด ลดโอกาสที่สินค้าจะมาช้า
3. การตรวจสอบซัพพลายเออร์ (Supplier Risk Analysis)
Big Data สามารถดึงข้อมูลด้านการเงิน ข่าวสาร หรือแม้กระทั่ง Social Media เพื่อตรวจสอบว่า ซัพพลายเออร์มีปัญหาอะไรอยู่หรือไม่ เช่น เสี่ยงล้มละลาย หรือถูกวิจารณ์ด้านสิ่งแวดล้อม
4. การจำลองสถานการณ์ (Scenario Simulation)
บริษัทสามารถใช้ข้อมูลสร้าง Digital Twin ของซัพพลายเชน เพื่อจำลองว่า ถ้าโรงงานหนึ่งหยุดผลิต หรือถ้าเส้นทางหลักถูกปิด จะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง และมีทางเลือกสำรองไหนที่ควรใช้
ตัวอย่างการใช้จริง
Amazon ใช้ Big Data คาดการณ์ปริมาณคำสั่งซื้อในเทศกาล เช่น Black Friday ทำให้วางสต็อกได้แม่นยำ
DHL ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลสภาพอากาศและเส้นทาง เพื่อจัดการโลจิสติกส์ในภูมิภาคที่มีพายุบ่อย
Walmart ใช้ข้อมูลจากหลายล้านธุรกรรมเพื่อปรับการจัดส่งและลดการขาดแคลนสินค้า
ประโยชน์ต่อธุรกิจ
ลดความเสี่ยงการขาดแคลนวัตถุดิบ
ควบคุมต้นทุนได้แม่นยำขึ้น
ตัดสินใจได้รวดเร็วและมีข้อมูลสนับสนุน
ทำให้ซัพพลายเชนมีความ โปร่งใส (Transparency) และ ยืดหยุ่น (Resilience)
สรุป
: Big Data Analytics ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ วิเคราะห์ย้อนหลัง แต่คือ เครื่องมือพยากรณ์อนาคต สำหรับซัพพลายเชน ใครที่เริ่มลงทุนตั้งแต่วันนี้จะได้เปรียบในการแข่งขัน เพราะสามารถรับมือกับความเสี่ยงได้ดีกว่าคู่แข่ง