แชร์

"ส่งของเอง VS เรียกมารับที่บ้าน แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน? คำนวณให้ดูชัดๆ"

ร่วมมือ.jpg Contact Center
อัพเดทล่าสุด: 25 ส.ค. 2025
13 ผู้เข้าชม
ส่งของเอง VS เรียกมารับที่บ้าน แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน? คำนวณให้ดูชัดๆ
 

บทนำ

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หรือใครก็ตามที่ต้องส่งพัสดุเป็นประจำ คำถามที่มักจะวนเวียนอยู่ในหัวก็คือ จะยอมเสียเวลาเดินทางไปส่งของเองที่สาขา หรือจะยอมจ่ายเพิ่มอีกนิดเพื่อเรียกให้รถเข้ามารับถึงหน้าบ้านดี? บางคนอาจคิดว่าไปส่งเองประหยัดกว่าเห็นๆ แต่เมื่อลองคำนวณดูค่าใช้จ่ายแฝงทั้งหมดแล้ว ผลลัพธ์อาจทำให้คุณประหลาดใจ! ในบทความนี้ เราจะมาแจกแจงต้นทุนของทั้งสองวิธีให้เห็นภาพชัดๆ พร้อมสูตรคำนวณง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าแบบไหน "คุ้มค่า" ที่สุดสำหรับคุณ


เนื้อหา

เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพ เราต้องพิจารณา "ต้นทุน" ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ค่าบริการที่จ่ายไป แต่รวมถึงค่าใช้จ่ายแฝงและ "ค่าเสียเวลา" ของเราด้วย

 

1. การเดินทางไปส่งของเอง: ต้นทุนที่มากกว่าแค่ค่าส่ง
 

การขับรถหรือนั่งรถไปที่สาขาเพื่อส่งของ แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็มีต้นทุนแฝงอยู่หลายอย่างที่เรามักมองข้ามไป

  • ค่าน้ำมัน/ค่าเดินทาง: นี่คือค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนที่สุด ลองคำนวณดูว่าระยะทางไป-กลับจากบ้านคุณถึงสาขาที่ใกล้ที่สุดเป็นเท่าไหร่ และรถของคุณมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแค่ไหน
  • ค่าเสื่อมสภาพของรถ: ทุกกิโลเมตรที่ขับออกไป ย่อมหมายถึงการสึกหรอของเครื่องยนต์ ยาง และส่วนอื่นๆ
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ: เช่น ค่าที่จอดรถ (หากสาขาอยู่ในห้าง) หรือค่าทางด่วน
  • "ค่าเสียเวลา" ที่ประเมินค่าได้: เวลามีค่าดั่งทองคำ เวลาที่คุณใช้ในการเดินทางและรอคิว สามารถนำไปใช้ทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่าได้ เช่น แพ็คของเพิ่ม, ตอบแชทลูกค้า, หรือแม้แต่พักผ่อน


สูตรคำนวณต้นทุนการไปส่งเอง:

(ค่าน้ำมัน/ค่าเดินทาง) + (ค่าเสียเวลา) = ต้นทุนรวมในการไปส่งเอง


ตัวอย่างการคำนวณ:

สมมติว่าบ้านคุณอยู่ห่างจากสาขาส่งของ 5 กิโลเมตร (ไป-กลับ 10 กิโลเมตร)

ค่าน้ำมัน: รถจักรยานยนต์มีอัตราสิ้นเปลือง 40 กม./ลิตร ราคาน้ำมันลิตรละ 38 บาท

ต้นทุนค่าน้ำมัน = (10 กม. / 40 กม./ลิตร) x 38 บาท = 9.5 บาท

ค่าเสียเวลา: คุณใช้เวลาเดินทางและรอคิวรวมทั้งหมด 1 ชั่วโมง คุณประเมินว่าเวลา 1 ชั่วโมงของคุณมีค่าเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำ (สมมติ 50 บาท/ชั่วโมง)

ต้นทุนค่าเสียเวลา = 50 บาท
ดังนั้น ต้นทุนรวมในการไปส่งเอง 1 ครั้ง = 9.5 + 50 = 59.5 บาท
 

2. บริการเรียกรถเข้ารับที่บ้าน (Pickup Service): ความสะดวกสบายที่อาจ "ฟรี"
 

ในปัจจุบัน บริษัทขนส่งหลายแห่งแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อดึงดูดลูกค้า ทำให้บริการเรียกรถเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้านมีราคาที่เข้าถึงง่ายมาก หรืออาจจะ "ฟรี" ด้วยซ้ำ
  • ค่าบริการเข้ารับ: หลายบริษัทไม่มีค่าบริการเข้ารับ (ฟรี) เมื่อส่งพัสดุตั้งแต่ 1-3 ชิ้นขึ้นไป หรืออาจมีค่าบริการเล็กน้อยประมาณ 15-30 บาท ซึ่งมักจะถูกกว่าต้นทุนการเดินทางของเราเสียอีก
  • ประหยัดเวลามหาศาล: ข้อดีที่ชัดเจนที่สุดคือการประหยัดเวลา คุณแค่เตรียมพัสดุให้พร้อม แล้วรอรถมารับตามเวลาที่นัดหมาย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ไม่ต้องหาที่จอดรถ และไม่ต้องรอคิว
  • ลดความเสี่ยง: ลดความเสี่ยงในการเดินทาง เช่น อุบัติเหตุ หรือสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ


สรุปส่งท้าย

การตัดสินใจเลือกระหว่าง "ส่งของเอง" กับ "เรียกมารับที่บ้าน" ไม่ได้มีคำตอบที่ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละคน

ถ้าคุณส่งของน้อยชิ้น (1-2 ชิ้น) และสาขาส่งของอยู่ใกล้บ้านมาก หรืออยู่ในเส้นทางที่คุณต้องผ่านเป็นประจำ การแวะส่งเองอาจจะยังสะดวกและคุ้มค่าอยู่
แต่ถ้าคุณเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องส่งของทุกวัน วันละหลายๆ ชิ้น หรือบ้านอยู่ไกลจากสาขา การใช้บริการเรียกรถเข้ารับนั้น "คุ้มค่ากว่า" อย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งในแง่ของตัวเงินและเวลาที่ประหยัดได้
คำแนะนำ: ลองคำนวณต้นทุนการเดินทางและค่าเสียเวลาของคุณตามสูตรด้านบน แล้วเปรียบเทียบกับค่าบริการเรียกรถเข้ารับของบริษัทขนส่งที่คุณใช้ประจำ ตัวเลขที่ออกมาจะช่วยให้คุณเห็นภาพและตัดสินใจได้อย่างชัดเจนว่า วิธีไหนคือทางเลือกที่ใช่และชาญฉลาดที่สุดสำหรับธุรกิจและไลฟ์สไตล์ของคุณ

ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่


โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-3039620

อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com

ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210


คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย!

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
เริ่มต้นให้บริการ Fulfillment: 5 สิ่งสำคัญที่มือใหม่ไม่ควรมองข้าม
วันนี้เราจะมาเปิด Checklist กับ 5 สิ่งสำคัญที่มือใหม่ในการทำ Fulfillment ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด เพื่อสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน
ซาล(นักศึกษาฝึกงาน)
26 ส.ค. 2025
การบริหารจัดการพื้นที่ว่างบนรถให้ได้ประโยชน์สูงสุด คุ้มค่าที่สุด สำหรับธุรกิจรับส่งพัสดุ
การบริหารจัดการพื้นที่ว่างบนรถให้ได้ประโยชน์สูงสุด คุ้มค่าที่สุด สำหรับธุรกิจรับส่งพัสดุ
Notify.png พี่ปี
26 ส.ค. 2025
Area Chart: 'กราฟพื้นที่' เมื่อ 'แนวโน้ม' มาพร้อมกับ 'ปริมาณ'
หาก "กราฟเส้น" (Line Chart) คือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการมองเห็น "แนวโน้ม" แล้วถ้าเราอยากเห็น "ปริมาณสะสม" ของแนวโน้มนั้นด้วยล่ะ? นี่คือจุดที่ "กราฟพื้นที่" หรือ Area Chart เข้ามามีบทบาทสำคัญ
โก้(นักศึกษาฝึกงาน)
26 ส.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ