ประกันภัยสินค้า: ทำไมจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ธุรกิจขนส่งสินค้าต้องมี?
ประกันภัยสินค้า: ทำไมจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ธุรกิจขนส่งสินค้าต้องมี?
ในฐานะเจ้าของธุรกิจ คุณคงทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจในการผลิตและดูแลสินค้าให้มีคุณภาพดีที่สุดก่อนส่งถึงมือลูกค้า แต่เคยฉุกคิดหรือไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากสินค้ามูลค่ามหาศาลของคุณได้รับความเสียหาย สูญหาย หรือถูกขโมยไประหว่างการขนส่ง? ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น?
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า บริษัทขนส่งต้องรับผิดชอบทั้งหมดอยู่แล้ว ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและอาจสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างมหาศาล บทความนี้จะมาเจาะลึกว่าทำไม "ประกันภัยสินค้า" (Cargo Insurance) จึงไม่ใช่แค่ "ทางเลือก" แต่เป็น "สิ่งจำเป็น" ที่ธุรกิจขนส่งสินค้าทุกขนาดต้องมี
"ความรับผิดชอบของผู้ขนส่ง" ไม่ใช่ "ประกันภัยสินค้า"
นี่คือความแตกต่างที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำความเข้าใจ
- ความรับผิดชอบของผู้ขนส่ง (Carrier's Liability): โดยทั่วไปตามกฎหมายและสัญญาการขนส่ง ความรับผิดชอบของบริษัทขนส่งจะ "จำกัดวงเงิน" ไว้ ไม่ได้ครอบคลุมมูลค่าเต็มของสินค้า ส่วนใหญ่มักจะชดเชยตามน้ำหนักของสินค้า (เช่น กิโลกรัมละไม่เกิน xx บาท) หรือตามที่ระบุไว้ในข้อตกลง
- ตัวอย่างเช่น: สินค้าของคุณมีมูลค่า 100,000 บาท แต่หากเกิดความเสียหาย ความรับผิดชอบของผู้ขนส่งตามสัญญาอาจจำกัดไว้สูงสุดเพียง 2,000 บาท นั่นหมายความว่าธุรกิจของคุณต้องแบกรับความสูญเสียเองถึง 98,000 บาท
- ประกันภัยสินค้า (Cargo Insurance): คือกรมธรรม์ที่คุณซื้อเพิ่มเติมเพื่อคุ้มครองสินค้าของคุณโดยเฉพาะ ซึ่งจะชดเชยค่าเสียหายให้ "เต็มมูลค่า" ของสินค้าตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
5 เหตุผลที่ ประกันภัยสินค้า เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจ
1.คุ้มครองความเสียหายเต็มมูลค่า
นี่คือเหตุผลที่ชัดเจนที่สุด ประกันภัยสินค้าช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น คุณจะได้รับการชดเชยตามมูลค่าที่แท้จริงของสินค้า ช่วยให้ธุรกิจของคุณไม่หยุดชะงักและสามารถดำเนินต่อไปได้
2.ลดความเสี่ยงและสร้างความอุ่นใจ
การขนส่งเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ, ภัยธรรมชาติ, หรือการโจรกรรม การมีประกันภัยก็เหมือนมีตาข่ายนิรภัยรองรับ ช่วยให้คุณดำเนินธุรกิจได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงเหล่านี้
3.ครอบคลุมภัยได้หลากหลายกว่า
ความรับผิดชอบของผู้ขนส่งมักมีข้อยกเว้นมากมาย แต่ประกันภัยสินค้าส่วนใหญ่จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว่า รวมถึงภัยธรรมชาติ (Acts of God) และเหตุสุดวิสัยอื่นๆ ที่ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดชอบ
4.สร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าและคู่ค้า
การทำประกันภัยสินค้าเป็นการแสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพและความรับผิดชอบต่อสินค้า มันช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าของคุณว่า หากเกิดปัญหากับออเดอร์ของพวกเขา พวกเขาจะได้รับการดูแลอย่างดี (ซึ่งคุณสามารถทำได้เพราะมีประกันรองรับ)
5.ทำให้กระบวนการเคลมง่ายและชัดเจนขึ้น
การเรียกร้องค่าเสียหายภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยมักจะมีขั้นตอนที่ตรงไปตรงมาและรวดเร็วกว่าการพยายามเรียกร้องค่าเสียหายจากความรับผิดชอบที่จำกัดของผู้ขนส่ง ซึ่งอาจมีกระบวนการที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน
แล้วเบี้ยประกันแพงไหม?
โดยทั่วไปแล้ว เบี้ยประกันภัยสินค้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมากเมื่อเทียบกับมูลค่าของสินค้าทั้งหมด การจ่ายเบี้ยประกันเพียงเล็กน้อยเพื่อป้องกันความสูญเสียก้อนใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นได้ในครั้งเดียว จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง
อย่าปล่อยให้ความเสียหายเพียงครั้งเดียวมาสั่นคลอนธุรกิจที่คุณสร้างมากับมือ การทำประกันภัยสินค้าคือการบริหารความเสี่ยงที่ชาญฉลาดและเป็นรากฐานที่สำคัญของการทำธุรกิจขนส่งอย่างยั่งยืน
ปกป้องสินค้าของคุณในทุกการขนส่ง ปรึกษาเรา
BS Express เข้าใจถึงความสำคัญในการปกป้องสินค้าของลูกค้า เรามีบริการให้คำปรึกษาและจัดหาประกันภัยสินค้าที่เหมาะสม เพื่อให้คุณมั่นใจได้ในทุกการจัดส่ง
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่
- โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-303-9620
- อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com
- ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210