แชร์

ส่งของ 1 แสนชิ้นต่อวัน แต่ใช้คนจัดแค่ 5 คน! เขาทำได้ยังไง?

ร่วมมือ.jpg เหมาคัน
อัพเดทล่าสุด: 8 ส.ค. 2025
131 ผู้เข้าชม

ในอดีต หากคุณต้องส่งของวันละแสนชิ้น คุณอาจจินตนาการถึงโกดังขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพนักงานนับร้อยเดินวุ่น ตรวจนับ แพ็กของ และจัดวางสินค้าลงรถขนส่ง แต่ในวันนี้ หลายศูนย์กระจายสินค้าและธุรกิจโลจิสติกส์สามารถจัดการคำสั่งซื้อระดับแสนชิ้นได้ ด้วย คน แค่หยิบมือเดียว แล้วพวกเขาทำได้ยังไง?

คำตอบสั้น ๆ: AI + ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ

ไม่ใช่เวทมนตร์ แต่คือผลจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีและการจัดการที่แม่นยำ เรามาเจาะลึกว่าอะไรอยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้บ้าง


1. ระบบ Automated Sorter คัดแยกพัสดุเร็วระดับวินาที
หัวใจหลักของการจัดการพัสดุปริมาณมากคือ เครื่องคัดแยกพัสดุอัตโนมัติ (Automated Parcel Sorter) ซึ่งสามารถแยกพัสดุได้หลายหมื่นชิ้นต่อชั่วโมง เพียงแค่ใส่พัสดุลงไป ระบบจะอ่านบาร์โค้ด/QR code หรือแม้แต่ AI Vision ที่ช่วยอ่านชื่อและที่อยู่ จากนั้นก็จัดพัสดุไปยังปลายทางที่ถูกต้องแบบเรียลไทม์

ระบบนี้ลดการใช้แรงงานคนในการคัดแยกอย่างมหาศาล คนมีหน้าที่แค่คอยเติมของเข้าสายพาน และดูแลระบบเท่านั้น


2. AI วางแผนเส้นทางแบบ Dynamic Real-Time
ไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่วางแผนเส้นทางเหมือนแต่ก่อน เพราะตอนนี้ AI สามารถ:

วิเคราะห์สภาพจราจร
ประเมินปริมาณพัสดุ
ดูข้อมูลคนขับ และความสามารถของรถ
คำนวณเส้นทางที่ ประหยัดน้ำมันที่สุด + ใช้เวลาน้อยที่สุด
ผลลัพธ์คือ รถทุกคันขนของเต็ม ไม่มีการวิ่งเปล่า และทุกเส้นทางได้รับการอัปเดตแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ใช้ทรัพยากรน้อยลงแต่ได้ผลลัพธ์มากขึ้น


3. คลังอัจฉริยะที่คิดเองได้
คลังสินค้าแบบใหม่มีระบบที่เรียกว่า AI Warehouse Management System (AI-WMS)

วิเคราะห์ข้อมูลเข้าออกของสินค้าแบบเรียลไทม์
สั่งการหุ่นยนต์หรือแขนกล (Robotic Arm) ให้หยิบวางสินค้าโดยอัตโนมัติ
จัดลำดับการโหลดพัสดุขึ้นรถตามเส้นทางขนส่ง ไม่ต้องรอให้คนคำนวณ
ทั้งหมดนี้แทบไม่ต้องใช้พนักงานจัดของแบบเดิมเลย แค่มีเจ้าหน้าที่ควบคุมระบบไม่กี่คนเท่านั้น


4. Dashboard คุมภาพรวมด้วยคนแค่ 5 คน
ระบบทั้งหมดนี้จะมี แดชบอร์ดรวมกลาง ให้เจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่คนดูแลภาพรวม

แจ้งเตือนเมื่อมีปัญหา เช่น พัสดุชำรุด, ระบบโหลดติดขัด
ตรวจสอบสถานะได้แบบเรียลไทม์ ทั้งหมดนี้ผ่านจอเดียว
ส่งรายงานสรุปอัตโนมัติให้ผู้บริหารทุกวัน
ดังนั้น ต่อให้มีคำสั่งซื้อระดับ 1 แสนชิ้นต่อวัน ก็ยัง ควบคุมได้ง่าย แบบไม่ต้องใช้คนจำนวนมาก


สรุป: คนลดลง แต่งานไม่ลดลง เพราะ AI คิดแทน + ระบบทำแทน
ธุรกิจขนส่งยุคใหม่ไม่ได้มองว่า ต้องมีคนมาก = ประสิทธิภาพมาก อีกต่อไป แต่เป็น ต้องใช้เทคโนโลยีให้ถูกที่ และ AI ก็เข้ามาทำให้ทุกขั้นตอน เร็วขึ้น ถูกลง แม่นยำขึ้น

ไม่ใช่แค่ประหยัดค่าแรง แต่ยังลดความผิดพลาด และทำให้การขยายธุรกิจทำได้ง่ายกว่าเดิม



บทความที่เกี่ยวข้อง
เร็วกว่า ประหยัดกว่า: 4 เทคนิคลับเพิ่มประสิทธิภาพ 'การขนส่ง' ที่คุณอาจไม่เคยรู้
ในโลกของโลจิสติกส์และ Fulfillment "การขนส่ง" คือหนึ่งในต้นทุนที่ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุด ทุกๆ กิโลเมตรที่รถวิ่ง, ทุกๆ นาทีที่ติดอยู่บนท้องถนน, และทุกๆ เที่ยวที่รถออกไปโดยบรรทุกของไม่เต็มคัน ล้วนเป็นต้นทุนที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรของธุรกิจคุณ การ "เพิ่มประสิทธิภาพด้านการขนส่ง" ไม่ใช่แค่การขับรถให้เร็วขึ้น แต่คือการทำงานอย่างชาญฉลาดขึ้นเพื่อลดความสูญเปล่าในทุกมิติ
ซาล(นักศึกษาฝึกงาน)
26 ก.ย. 2025
ถอดรหัส 'สัญลักษณ์สินค้าอันตราย': ป้ายเตือนบนกล่องพัสดุที่ผู้ส่งทุกคนต้องรู้
เวลาที่เราเห็นรถบรรทุกหรือตู้คอนเทนเนอร์วิ่งผ่านบนท้องถนน เรามักจะสังเกตเห็น "ป้ายสัญลักษณ์" รูปข้าวหลามตัดที่มีสีสันและรูปภาพแตกต่างกันไปติดอยู่ สัญลักษณ์เหล่านี้ไม่ใช่แค่การตกแต่ง แต่คือภาษาภาพสากลที่บ่งบอกถึง "สินค้าอันตราย" (Dangerous Goods) ที่อยู่ภายใน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยในทุกขั้นตอนของระบบโลจิสติกส์
ปาล์ม นักศึกษาฝึกงาน
26 ก.ย. 2025
Neural Network Visualization: เปิด 'สมอง' AI ให้เห็นว่าคิดอย่างไร
เมื่อเราพูดถึง AI หรือ Machine Learning ที่สามารถพยากรณ์ยอดขายหรือแนะนำสินค้าได้ เคยสงสัยไหมครับว่าเบื้องหลังนั้นมัน "คิด" อย่างไร? Neural Network Visualization คือเครื่องมือที่ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) สามารถมองเข้าไปใน "กล่องดำ" (Black Box) ของ AI ที่ซับซ้อนได้
โก้(นักศึกษาฝึกงาน)
26 ก.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ