แชร์

รายได้เสริมยุคใหม่! เปลี่ยนบ้านเป็นจุดรับพัสดุ (Drop Point) เริ่มต้นอย่างไร?

ร่วมมือ.jpg Contact Center
อัพเดทล่าสุด: 1 ส.ค. 2025
830 ผู้เข้าชม

รายได้เสริมยุคใหม่! เปลี่ยนบ้านเป็นจุดรับพัสดุ (Drop Point) เริ่มต้นอย่างไร?
 

ในยุคที่ใครๆ ก็มองหารายได้เสริม และเทรนด์การช้อปปิ้งออนไลน์ก็ยังคงเติบโตไม่หยุด คุณเคยสังเกตไหมว่ามี "จุดบริการรับพัสดุ" เล็กๆ ผุดขึ้นตามหน้าบ้านหรือในร้านค้าใกล้ตัวคุณเต็มไปหมด? นี่คือหนึ่งในช่องทางสร้างรายได้เสริมที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ นั่นคือการเป็น "จุดรับพัสดุ" หรือ Drop Point นั่นเอง

หลายคนอาจจะอยากทำ แต่ก็มีคำถามเต็มไปหมด...ต้องลงทุนเยอะไหม? ขั้นตอนยุ่งยากหรือเปล่า? แล้วจะเปลี่ยนพื้นที่ว่างที่บ้านให้กลายเป็นเครื่องผลิตเงินได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบฉบับสมบูรณ์มาให้คุณแล้ว!

 
"จุดรับพัสดุ" (Drop Point) คืออะไร? ต่างจากแฟรนไชส์อย่างไร?
 

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า Drop Point ไม่ใช่ร้านแฟรนไชส์เต็มรูปแบบ

Drop Point คือ จุดบริการตัวแทน ที่มีหน้าที่หลักในการ "รับพัสดุ" จากลูกค้าที่แพ็กของมาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นสแกนพัสดุเข้าระบบของบริษัทขนส่ง และเก็บรักษาไว้เพื่อรอรถขนส่งเข้ามารับพัสดุต่อไปเป็นรอบๆ

ความแตกต่างที่สำคัญจากแฟรนไชส์:

  • การลงทุน: ใช้เงินลงทุนต่ำกว่ามาก หรือแทบไม่มีเลยในบางแบรนด์ เพราะไม่ต้องเสียค่าแฟรนไชส์ราคาสูง
  • บริการ: เน้นการ "รับพัสดุ" เป็นหลัก อาจไม่มีบริการแพ็กของหรือขายกล่องพัสดุเหมือนร้านใหญ่
  • การตกแต่ง: ไม่ได้มีข้อบังคับเรื่องการตกแต่งร้านที่เข้มงวดเท่าแฟรนไชส์
  • โมเดลรายได้: ส่วนใหญ่จะเป็นรายได้ต่อชิ้น (ได้ค่าคอมมิชชันตามจำนวนพัสดุที่รับเข้าระบบ)

สำรวจความพร้อม! คุณสมบัติและสิ่งที่ต้องมี

การเปลี่ยนบ้านเป็น Drop Point นั้นง่าย แต่ก็มีสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม

1.ทำเลที่ตั้ง (Location):

  • ควรเป็นพื้นที่ชั้นล่างของบ้านที่ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย เช่น โรงจอดรถ, ห้องหน้าบ้านที่ไม่ได้ใช้งาน หรือหน้าร้านค้าเดิมของคุณ
  • ต้องสะดวกสำหรับรถของบริษัทขนส่งในการเข้ามารับพัสดุ

2.พื้นที่จัดเก็บ (Space):

  • ต้องมีพื้นที่ที่ปลอดภัย แห้ง และไม่โดนแดด สำหรับวางพักพัสดุของลูกค้าเพื่อรอการขนย้าย

3.เวลา (Time Commitment):

  • คุณต้องสามารถเปิด-ปิดร้านตามเวลาที่กำหนดได้ เพราะนี่ไม่ใช่งานที่ทำแล้วปล่อยทิ้งไว้ได้ ต้องมีคนคอยรับลูกค้า

4.อุปกรณ์ที่จำเป็น (Equipment):

  • สมาร์ทโฟน หรือ คอมพิวเตอร์ พร้อมอินเทอร์เน็ตที่เสถียร
  • เครื่องปริ้นท์ใบปะหน้า (Label Printer)
  • เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิทัล

5.ทักษะและใจบริการ (Skills & Service Mind):

  • สามารถใช้งานแอปพลิเคชันหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์พื้นฐานได้
  • มีใจรักในงานบริการ ยิ้มแย้ม และพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้า

 

5 ขั้นตอนง่ายๆ สู่การเปิดบ้านเป็น Drop Point
 

1.เลือกแบรนด์ขนส่งที่สนใจ: ปัจจุบันหลายเจ้าใหญ่ เช่น Flash Express (Flash Drop Off), J&T Express (J&T Home), SPX Express (เดิมคือ Shopee Xpress) และอื่นๆ ต่างก็มีโครงการรับสมัครตัวแทน ลองศึกษาเงื่อนไขและผลตอบแทนของแต่ละเจ้า

2.ลงทะเบียนออนไลน์: เข้าไปที่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของแบรนด์นั้นๆ แล้วมองหาเมนู "สมัครเป็นพาร์ทเนอร์" หรือ "สมัคร Drop Point" จากนั้นกรอกข้อมูลส่วนตัวและรายละเอียดทำเลที่ตั้งของคุณ

3.เตรียมเอกสารและรอติดต่อกลับ: เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, และหน้าสมุดบัญชีธนาคาร หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดดูสถานที่จริง

4.เข้ารับการอบรมระบบ: เมื่อผ่านการพิจารณาเบื้องต้น คุณจะได้รับการอบรมสั้นๆ เกี่ยวกับวิธีการใช้งานระบบรับพัสดุของแบรนด์นั้นๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะสอนผ่านทางออนไลน์

5.เตรียมพื้นที่และเริ่มรับงาน: จัดเตรียมพื้นที่และอุปกรณ์ของคุณให้พร้อม เมื่อได้รับการอนุมัติและได้รับป้ายหรือสื่อประชาสัมพันธ์จากทางแบรนด์แล้ว ก็สามารถเปิดระบบและเริ่มรับพัสดุจากลูกค้าในละแวกบ้านได้เลย!
 
สรุปข้อดี vs. ข้อควรพิจารณา
 
ข้อดี 
       

  • ลงทุนต่ำมาก เริ่มต้นง่าย ไม่ซับซ้อน
  • เปลี่ยนพื้นที่ว่างให้เกิดรายได้
  • สร้าง Traffic ให้ธุรกิจเดิม (ถ้ามี)
  • เป็นรายได้เสริมที่มั่นคง เติบโตตาม E-commerce

                      
ข้อควรพิจารณา


  • รายได้ต่อชิ้นไม่สูง ต้องอาศัยปริมาณ
  • ต้องมีคนอยู่ร้านตามเวลาทำการ
  • มีความรับผิดชอบต่อพัสดุของลูกค้า
  • อาจมีการแข่งขันกับจุดบริการอื่นในพื้นที่

การเปิดบ้านเป็นจุดรับพัสดุ หรือ Drop Point ถือเป็นโมเดลธุรกิจรายได้เสริมยุคใหม่ที่น่าสนใจและเข้าถึงง่ายที่สุดทางหนึ่ง หากคุณมีพื้นที่ว่าง มีใจรักบริการ และพร้อมที่จะเรียนรู้ระบบใหม่ๆ นี่อาจเป็นคำตอบของการสร้างรายได้จากที่บ้านที่เติบโตไปพร้อมกับโลก E-commerce อย่างยั่งยืนก็เป็นได้ครับ

 

ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่


โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-3039620

อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com

ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210

คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย!

 



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำไมค่าส่งแต่ละเจ้าไม่เท่ากัน? : แบไต๋โครงสร้างราคาขนส่ง (น้ำหนัก vs ปริมาตร vs ระยะทาง)
กล่องเท่ากัน แต่ทำไมราคาต่างกันฟ้ากับเหว? เคยไหมครับ? ถือกล่องพัสดุใบเดิม ไปส่งที่ขนส่งเจ้าสีแดง ราคา 50 บาท พอไปอีกเจ้าสีส้ม ราคา 80 บาท แต่พอไปส่งขนส่งรถสิบล้อ ราคาเหลือแค่ 40 บาท! หลายคนคิดว่าการตั้งราคาค่าส่งเป็นเรื่องของการตลาด (ใครจัดโปรฯ ถูกกว่าก็ชนะ) แต่ความจริงแล้ว เบื้องหลังตัวเลขเหล่านั้นมี "สมการคณิตศาสตร์" ซ่อนอยู่ครับ วันนี้ BS Express จะมา "แบไต๋" โครงสร้างราคาขนส่งแบบหมดเปลือก เพื่อให้คุณเข้าใจว่าเงินที่คุณจ่ายไป ถูกนำไปคำนวณจากอะไรบ้าง และจะเลือกขนส่งแบบไหนให้ประหยัดเงินในกระเป๋าที่สุด!
ลูกดิว เด็กฝึกงาน
27 ธ.ค. 2025
เมื่อทีมขายและการตลาดไม่ใช่ "ไม้เบื่อไม้เมา" แต่ต้องเป็น "เนื้อเดียวกัน" เพื่อเป้าหมายรายได้
เลิกเป็นไม้เบื่อไม้เมา! เมื่อทีม Sales & Marketing ผนึกกำลังเป็น "เนื้อเดียวกัน" เพื่อเป้าหมายรายได้
ร่วมมือ.jpg Contact Center
24 ธ.ค. 2025
"ส่องเทรนด์โลจิสติกส์ปี 2026: Green Logistics และรถ EV จะมาเปลี่ยนโลกขนส่งยังไง?"
โลกเปลี่ยน ธุรกิจต้องปรับ! เจาะลึกเทรนด์ Green Logistics ปี 2026 ทำไมรถบรรทุก EV และการลดคาร์บอนถึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ SME และโรงงานต้องรู้ เตรียมพร้อมก่อนใครกับ BS Express
ผึ้ง เด็กฝึกงาน
24 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ