เจาะลึกเรื่องต้องรู้! ภาษีนำเข้าและพิธีการศุลกากรเมื่อส่งของไปต่างประเทศ
เจาะลึกเรื่องต้องรู้! ภาษีนำเข้าและพิธีการศุลกากรเมื่อส่งของไปต่างประเทศ
เมื่อคุณส่งพัสดุข้ามประเทศ มันไม่ใช่แค่การเดินทางจากจุด A ไปยังจุด B แต่พัสดุของคุณจะต้องเดินทางผ่าน "ด่าน" ที่สำคัญด่านหนึ่ง นั่นคือ "ศุลกากร" (Customs) ซึ่งเป็นหน่วยงานของประเทศปลายทาง และนี่คือจุดที่คำว่า "ภาษีนำเข้า" (Import Duties & Taxes) เข้ามามีบทบาท
สำหรับมือใหม่ สองคำนี้อาจฟังดูน่ากังวลและซับซ้อน แต่ไม่ต้องห่วงครับ บทความนี้จะมาเจาะลึกและอธิบายเรื่องที่ต้องรู้ทั้งหมดแบบเข้าใจง่าย เพื่อให้คุณเตรียมตัวส่งของไปต่างประเทศได้อย่างมั่นใจและราบรื่น
1."พิธีการศุลกากร" คืออะไร?
ให้ลองนึกภาพว่า "ศุลกากร" คือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูทางเข้าของแต่ละประเทศ ทุกครั้งที่พัสดุของคุณเดินทางไปถึงประเทศปลายทาง จะต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่า "พิธีการศุลกากร" ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบพัสดุของคุณเพื่อวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ
- ตรวจสอบของต้องห้าม: เช็คให้แน่ใจว่าสินค้าในกล่องไม่ใช่ของผิดกฎหมายหรือของต้องห้ามนำเข้าในประเทศนั้นๆ
- ตรวจสอบความถูกต้อง: ดูว่ารายละเอียดสินค้าและมูลค่าที่สำแดงไว้ในเอกสาร (Commercial Invoice) ตรงกับของในกล่องจริงหรือไม่
- ประเมินภาษีนำเข้า: คำนวณภาษีและอากรต่างๆ ที่ต้องชำระ (ถ้ามี)
2."ภาษีนำเข้า" คำนวณจากอะไร?
นี่คือคำถามที่พบบ่อยที่สุด โดยทั่วไป ภาษีนำเข้าจะถูกคำนวณจากปัจจัยหลักๆ ดังนี้
- มูลค่าสินค้าที่สำแดง (Declared Value): คือมูลค่าของสินค้าที่คุณกรอกลงในเอกสาร Commercial Invoice คำเตือน: คุณต้องสำแดงมูลค่าตามจริงเสมอ การสำแดงมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง (Under-value) เพื่อเลี่ยงภาษี หากถูกตรวจพบอาจนำไปสู่การถูกปรับ, การยึดพัสดุ, หรือความล่าช้าอย่างมาก
- พิกัดศุลกากร (HS Code): คือรหัสตัวเลขสากลที่ใช้จำแนกประเภทของสินค้าแต่ละชนิด สินค้าแต่ละประเภทจะมีอัตราภาษีที่แตกต่างกัน
- อัตราภาษีของประเทศปลายทาง: แต่ละประเทศมีกฎเกณฑ์และอัตราภาษีที่ไม่เหมือนกัน สินค้าชนิดเดียวกันส่งไปอเมริกาอาจเสียภาษีในอัตราหนึ่ง แต่ส่งไปยุโรปอาจเสียในอีกอัตราหนึ่ง
3.ใครคือผู้รับผิดชอบค่าภาษี? (เรื่องสำคัญที่ต้องรู้)
โดยทั่วไปแล้ว ผู้รับปลายทาง (Recipient) คือผู้รับผิดชอบในการชำระภาษีนำเข้า ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ในการขนส่งระหว่างประเทศจะมีเงื่อนไขการส่งมอบ (Incoterms) อยู่ 2 แบบหลักๆ คือ
- DDU/DAP (Delivered Duty Unpaid): เป็นวิธีมาตรฐานที่สุด ผู้ส่งจะจ่ายแค่ "ค่าขนส่ง" ส่วนภาษีนำเข้าที่เกิดขึ้น ณ ประเทศปลายทางทั้งหมด "ผู้รับ" จะต้องเป็นคนจ่ายให้กับศุลกากรก่อนจึงจะรับของได้
- DDP (Delivered Duty Paid): เป็นบริการพิเศษที่ "ผู้ส่ง" เลือกที่จะจ่ายรวบยอดทั้งหมดตั้งแต่ต้นทาง ทั้งค่าขนส่งและค่าภาษีนำเข้าที่คาดว่าจะเกิดขึ้น วิธีนี้เหมาะสำหรับการส่งของขวัญ หรือร้านค้าที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าปลายทางไม่ต้องวุ่นวายเรื่องภาษี
4.3 เคล็ดลับลดปัญหาที่ด่านศุลกากร
- สำแดงข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วน: ระบุรายละเอียดสินค้าแต่ละชิ้น, จำนวน, และมูลค่าตามจริงอย่างชัดเจนใน Commercial Invoice
- เตรียมเอกสารให้พร้อม: เอกสารที่สมบูรณ์และถูกต้องคือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณที่ด่านศุลกากร มันจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
- ปรึกษาผู้ให้บริการขนส่ง: วิธีที่ดีที่สุดคือการสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญ บริษัทขนส่งที่มีประสบการณ์จะสามารถให้คำแนะนำที่แม่นยำเกี่ยวกับเอกสารและข้อบังคับของแต่ละประเทศได้
การเข้าใจเรื่องศุลกากรและภาษีนำเข้า จะช่วยให้คุณวางแผนการจัดส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของปัญหาและความล่าช้า ทำให้พัสดุของคุณถึงมือผู้รับได้อย่างราบรื่น
ต้องการส่งของไปต่างประเทศติดต่อเราได้ที่
- โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-303-9620
- อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com
- ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210
คลิ๊กดูรายละเอียดบริการและติดต่อเราได้ที่นี่เลย!