แชร์

เจาะลึกเรื่องต้องรู้! ภาษีนำเข้าและพิธีการศุลกากรเมื่อส่งของไปต่างประเทศ

ร่วมมือ.jpg Contact Center
อัพเดทล่าสุด: 31 ก.ค. 2025
155 ผู้เข้าชม

เจาะลึกเรื่องต้องรู้! ภาษีนำเข้าและพิธีการศุลกากรเมื่อส่งของไปต่างประเทศ

เมื่อคุณส่งพัสดุข้ามประเทศ มันไม่ใช่แค่การเดินทางจากจุด A ไปยังจุด B แต่พัสดุของคุณจะต้องเดินทางผ่าน "ด่าน" ที่สำคัญด่านหนึ่ง นั่นคือ "ศุลกากร" (Customs) ซึ่งเป็นหน่วยงานของประเทศปลายทาง และนี่คือจุดที่คำว่า "ภาษีนำเข้า" (Import Duties & Taxes) เข้ามามีบทบาท

สำหรับมือใหม่ สองคำนี้อาจฟังดูน่ากังวลและซับซ้อน แต่ไม่ต้องห่วงครับ บทความนี้จะมาเจาะลึกและอธิบายเรื่องที่ต้องรู้ทั้งหมดแบบเข้าใจง่าย เพื่อให้คุณเตรียมตัวส่งของไปต่างประเทศได้อย่างมั่นใจและราบรื่น

 

1."พิธีการศุลกากร" คืออะไร?

ให้ลองนึกภาพว่า "ศุลกากร" คือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูทางเข้าของแต่ละประเทศ ทุกครั้งที่พัสดุของคุณเดินทางไปถึงประเทศปลายทาง จะต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่า "พิธีการศุลกากร" ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบพัสดุของคุณเพื่อวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ

  1. ตรวจสอบของต้องห้าม: เช็คให้แน่ใจว่าสินค้าในกล่องไม่ใช่ของผิดกฎหมายหรือของต้องห้ามนำเข้าในประเทศนั้นๆ
  2. ตรวจสอบความถูกต้อง: ดูว่ารายละเอียดสินค้าและมูลค่าที่สำแดงไว้ในเอกสาร (Commercial Invoice) ตรงกับของในกล่องจริงหรือไม่
  3. ประเมินภาษีนำเข้า: คำนวณภาษีและอากรต่างๆ ที่ต้องชำระ (ถ้ามี)

 

2."ภาษีนำเข้า" คำนวณจากอะไร?

นี่คือคำถามที่พบบ่อยที่สุด โดยทั่วไป ภาษีนำเข้าจะถูกคำนวณจากปัจจัยหลักๆ ดังนี้

  • มูลค่าสินค้าที่สำแดง (Declared Value): คือมูลค่าของสินค้าที่คุณกรอกลงในเอกสาร Commercial Invoice คำเตือน: คุณต้องสำแดงมูลค่าตามจริงเสมอ การสำแดงมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง (Under-value) เพื่อเลี่ยงภาษี หากถูกตรวจพบอาจนำไปสู่การถูกปรับ, การยึดพัสดุ, หรือความล่าช้าอย่างมาก
  • พิกัดศุลกากร (HS Code): คือรหัสตัวเลขสากลที่ใช้จำแนกประเภทของสินค้าแต่ละชนิด สินค้าแต่ละประเภทจะมีอัตราภาษีที่แตกต่างกัน
  • อัตราภาษีของประเทศปลายทาง: แต่ละประเทศมีกฎเกณฑ์และอัตราภาษีที่ไม่เหมือนกัน สินค้าชนิดเดียวกันส่งไปอเมริกาอาจเสียภาษีในอัตราหนึ่ง แต่ส่งไปยุโรปอาจเสียในอีกอัตราหนึ่ง

 

3.ใครคือผู้รับผิดชอบค่าภาษี? (เรื่องสำคัญที่ต้องรู้)

โดยทั่วไปแล้ว ผู้รับปลายทาง (Recipient) คือผู้รับผิดชอบในการชำระภาษีนำเข้า ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ในการขนส่งระหว่างประเทศจะมีเงื่อนไขการส่งมอบ (Incoterms) อยู่ 2 แบบหลักๆ คือ

  • DDU/DAP (Delivered Duty Unpaid): เป็นวิธีมาตรฐานที่สุด ผู้ส่งจะจ่ายแค่ "ค่าขนส่ง" ส่วนภาษีนำเข้าที่เกิดขึ้น ณ ประเทศปลายทางทั้งหมด "ผู้รับ" จะต้องเป็นคนจ่ายให้กับศุลกากรก่อนจึงจะรับของได้
  • DDP (Delivered Duty Paid): เป็นบริการพิเศษที่ "ผู้ส่ง" เลือกที่จะจ่ายรวบยอดทั้งหมดตั้งแต่ต้นทาง ทั้งค่าขนส่งและค่าภาษีนำเข้าที่คาดว่าจะเกิดขึ้น วิธีนี้เหมาะสำหรับการส่งของขวัญ หรือร้านค้าที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าปลายทางไม่ต้องวุ่นวายเรื่องภาษี

 

4.3 เคล็ดลับลดปัญหาที่ด่านศุลกากร

  1. สำแดงข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วน: ระบุรายละเอียดสินค้าแต่ละชิ้น, จำนวน, และมูลค่าตามจริงอย่างชัดเจนใน Commercial Invoice
  2. เตรียมเอกสารให้พร้อม: เอกสารที่สมบูรณ์และถูกต้องคือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณที่ด่านศุลกากร มันจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
  3. ปรึกษาผู้ให้บริการขนส่ง: วิธีที่ดีที่สุดคือการสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญ บริษัทขนส่งที่มีประสบการณ์จะสามารถให้คำแนะนำที่แม่นยำเกี่ยวกับเอกสารและข้อบังคับของแต่ละประเทศได้

การเข้าใจเรื่องศุลกากรและภาษีนำเข้า จะช่วยให้คุณวางแผนการจัดส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของปัญหาและความล่าช้า ทำให้พัสดุของคุณถึงมือผู้รับได้อย่างราบรื่น

 

 

ต้องการส่งของไปต่างประเทศติดต่อเราได้ที่

  • โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-303-9620
  • อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com
  • ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210

คลิ๊กดูรายละเอียดบริการและติดต่อเราได้ที่นี่เลย!

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการซื้อแฟรนไชส์ ที่มือใหม่ต้องระวัง
การเป็นเจ้าของธุรกิจผ่านโมเดล "แฟรนไชส์" นั้นดูมีเสน่ห์และน่าดึงดูดใจอย่างมาก ด้วยภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ติดตลาด, ระบบที่พิสูจน์แล้ว
ร่วมมือ.jpg Contact Center
16 ก.ย. 2025
พลิกโฉมธุรกิจ SME ปี 2025: คู่มือโลจิสติกส์ฉบับสมบูรณ์ ที่จะเปลี่ยน 'การจัดส่ง' ให้เป็น 'แต้มต่อ' ทางธุรกิจ
ในสมรภูมิธุรกิจ E-Commerce ที่การแข่งขันดุเดือดขึ้นทุกวัน การมีสินค้าที่ดีอาจไม่เพียงพอที่จะมัดใจลูกค้าได้อีกต่อไป แต่ประสบการณ์ที่ลูกค้ได้รับตั้งแต่หน้าจอจนถึงหน้าประตูบ้านต่างหาก คือตัวตัดสินที่แท้จริง หลายธุรกิจ SME ยังมองว่า "โลจิสติกส์" เป็นเพียงศูนย์รวมของต้นทุนและเรื่องน่าปวดหัว แต่ในปี 2025 นี้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ โลจิสติกส์ไม่ใช่แค่การรับ-ส่งของ แต่คือเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดในการสร้างแบรนด์ ลดต้นทุน และสร้างความภักดีของลูกค้าได้อย่างยั่งยืน
ปาล์ม นักศึกษาฝึกงาน
16 ก.ย. 2025
ทำไมต้องมี Brand Audit?: ตรวจสุขภาพแบรนด์ก่อนจะสายเกินไป
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน การมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งและโดดเด่นในตลาดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จขององค์กร หลายธุรกิจทุ่มเททรัพยากรไปกับการสร้างแบรนด์ การตลาด และการสื่อสาร แต่บ่อยครั้งที่เราอาจหลงลืมที่จะ "ตรวจสุขภาพ" ของแบรนด์ตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการตรวจสุขภาพแบรนด์นี้เองที่เรียกว่า Brand Audit
ใบบัว ( นักศึกษาฝึกงาน )
16 ก.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ