เทคนิคการจัดการออเดอร์ออนไลน์ — ทำให้ระบบขนส่งลื่นไหล
อัพเดทล่าสุด: 28 ก.ค. 2025
58 ผู้เข้าชม
1. ใช้ระบบจัดการออเดอร์ (Order Management System OMS)
หากคุณยังใช้วิธีจดออเดอร์ลงกระดาษหรือ Excel แบบแมนนวล การเปลี่ยนมาใช้ระบบจัดการออเดอร์จะช่วยให้การทำงานเป็นระบบมากขึ้น เช่น:
- ตรวจสอบสถานะคำสั่งซื้อได้แบบเรียลไทม์
- รวมออเดอร์จากหลายช่องทางไว้ในที่เดียว
- ลดความผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลซ้ำ
- ระบบเหล่านี้สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มขายของ เช่น Shopee, Lazada, Shopify และ Facebook ได้โดยอัตโนมัติ
2. สร้างขั้นตอนการทำงานที่เป็นมาตรฐาน (Workflow)
การมีขั้นตอนที่ชัดเจน เช่น
- ตรวจสอบคำสั่งซื้อ
- แพ็กสินค้า
- ติดใบปะหน้า
- รอพนักงานมารับของ
- ส่งแจ้งเลขพัสดุให้ลูกค้า
3. แพ็กสินค้าแบบแยกตามรอบจัดส่ง
หากร้านคุณมีการจัดส่งวันละหลายรอบ ควรแยกออเดอร์ตามรอบจัดส่ง เช่น รอบเช้า-บ่าย หรือแยกตามขนส่งแต่ละเจ้าที่ใช้ เช่น Kerry, J&T, Flash
วิธีนี้จะช่วยให้จัดเรียงพัสดุได้สะดวก ไม่ต้องเปิดหากล่องย้อนหลัง และจัดส่งได้ทันเวลากับขนส่งที่เข้ามารับสินค้า
4. เชื่อมระบบขนส่งกับระบบหลังบ้าน
หลายร้านค้าใช้ระบบ OMS ที่สามารถเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการขนส่ง เช่น Flash, Kerry, SCG Express ผ่าน API หรือระบบหลังบ้านของแพลตฟอร์มอย่าง Goship, Shippop ซึ่งจะช่วยในเรื่อง:
- สร้างใบปะหน้าอัตโนมัติ
- เลือกขนส่งที่เหมาะสมกับสินค้าแต่ละชิ้น
- ติดตามสถานะพัสดุได้ในระบบเดียว
5. มีระบบแจ้งเตือนออเดอร์ผิดปกติ
ในบางครั้ง ออเดอร์อาจมีปัญหา เช่น ชื่อที่อยู่ผิด เบอร์ติดต่อไม่ครบ หรือสินค้าหมดสต็อก การใช้ระบบที่แจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อเกิดความผิดปกติ จะช่วยให้คุณแก้ไขทันก่อนจัดส่ง ลดความเสียหายและความล่าช้า
6. ติดตามผลลัพธ์และวิเคราะห์ข้อมูล
เมื่อจัดส่งเสร็จ อย่าลืมบันทึกข้อมูลและติดตามผล เช่น จำนวนที่ส่งสำเร็จ สินค้าตีกลับ พื้นที่จัดส่งล่าช้า หรือจำนวนคำร้องเรียนจากลูกค้า เพื่อใช้วางแผนปรับปรุงในรอบต่อไป
7. สื่อสารกับลูกค้าอย่างมีระบบ
เมื่อแพ็กของเสร็จแล้ว ควรมีระบบแจ้งลูกค้าอัตโนมัติ เช่น ส่งเลขพัสดุผ่านข้อความหรืออีเมล พร้อมลิงก์ติดตามพัสดุ วิธีนี้จะช่วยลดการถาม-ตอบซ้ำ ๆ และเพิ่มความน่าเชื่อถือของร้านค้า
สรุป
การจัดการออเดอร์ออนไลน์ไม่ใช่แค่เรื่องของ ความเร็ว เท่านั้น แต่คือการผสานระหว่าง ระบบ คน ข้อมูล อย่างมีประสิทธิภาพ
ยิ่งระบบจัดการออเดอร์ดีเท่าไหร่ ระบบขนส่งก็จะ ลื่นไหล และธุรกิจของคุณก็จะโตเร็วอย่างยั่งยืน
เพราะออเดอร์ที่ถูกจัดการอย่างมืออาชีพ = ลูกค้าที่ประทับใจ + กำไรที่มั่นคง
บทความที่เกี่ยวข้อง
คลังสินค้าจำนวนมากทำงานเหมือน "กล่องดำ" (Black Box) คือเรารู้ว่ามีของอะไรเข้าไป และมีของอะไรส่งออกไป แต่เรากลับมองไม่เห็นภาพรวมสิ่งที่เกิดขึ้น "ข้างใน" แบบเรียลไทม์ ซึ่งนำไปสู่ปัญหามากมาย ตั้งแต่สต็อกหาย, หาของไม่เจอ, ไปจนถึงการทำงานที่ล่าช้า
16 ส.ค. 2025
Application Circuit – แอปพลิเคชันวางแผนเส้นทางจัดส่งอัจฉริยะ
16 ส.ค. 2025