แชร์

SKU เยอะเกินไปทำให้ต้นทุนพุ่ง: วิธีจัดการ SKU ให้เวิร์ก

S__2711596.jpg BS&DC SAI5
อัพเดทล่าสุด: 22 ก.ค. 2025
20 ผู้เข้าชม

ในยุคที่การแข่งขันด้านสินค้าและความพึงพอใจลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง หลายธุรกิจเลือกใช้กลยุทธ์ "มีสินค้าให้เลือกเยอะ" หรือการเพิ่มจำนวน SKU (Stock Keeping Unit) เพื่อดึงดูดลูกค้าหลากหลายกลุ่ม แต่รู้หรือไม่? SKU ที่มากเกินไปอาจกลายเป็นดาบสองคม ทำให้ต้นทุนพุ่งแบบไม่รู้ตัว บล็อกนี้จะพาไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อมี SKU เยอะเกินไป และจะจัดการอย่างไรให้ พอดีและเวิร์ก

ทำไม SKU ที่มากเกินไปถึงเป็นปัญหา?
1.ต้นทุนสต็อกเพิ่มขึ้น
     แต่ละ SKU ต้องใช้พื้นที่เก็บสินค้า, การบริหารจัดการ, และเงินทุนในการสั่งซื้อ ถ้ามี SKU มากเกินจำเป็น เงินทุนจะถูกแช่อยู่ในสต็อกที่ขายไม่ออก

2.ระบบจัดการซับซ้อนขึ้น
     การมี SKU จำนวนมากทำให้การจัดการคลัง, ระบบ WMS หรือแม้แต่การหยิบ-แพ็คสินค้าซับซ้อนขึ้น เสี่ยงต่อการผิดพลาดมากขึ้น

3.Dead Stock และสินค้าคงเหลือสูง
     ยิ่ง SKU เยอะ โอกาสที่บาง SKU จะขายไม่ออกก็ยิ่งมาก ทำให้เกิดของค้างสต็อกที่เสียต้นทุนโดยใช่เหตุ

4.ต้นทุนด้านข้อมูลและการวิเคราะห์
     การตัดสินใจจากข้อมูลขายจะทำได้ยากขึ้นเมื่อมีสินค้าหลายพันชิ้น ระบบ BI หรือทีมวิเคราะห์ต้องรับภาระเพิ่ม

วิธีจัดการ SKU ให้เวิร์ก: พอดีแต่กำไรดี
1. วิเคราะห์ Pareto 80/20
     ใช้หลักการ 80/20 วิเคราะห์ว่าสินค้า 20% ตัวไหนที่สร้างยอดขาย 80% และโฟกัสที่ SKU กลุ่มนี้ให้มากขึ้น ส่วนที่ขายได้น้อยอาจพิจารณายกเลิก

2. ตั้งเกณฑ์ประเมิน SKU
     สร้างเกณฑ์ประเมินความคุ้มค่าของแต่ละ SKU เช่น อัตราการหมุนเวียน (Inventory Turnover), กำไรต่อหน่วย, หรือความต้องการตลาดจริงๆ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจว่าควรเก็บหรือเลิกขาย

3. ลดความซ้ำซ้อน
     ตรวจสอบว่ามี SKU ไหนที่แตกต่างกันนิดเดียวแต่กินทรัพยากรเท่ากัน เช่น สีหรือลวดลายที่ไม่ได้สร้างยอดขายเพิ่ม แต่อยู่ในคลังเป็นภาระ

4. วางแผนช่วงเวลาเปิดขาย
     ใช้กลยุทธ์ Seasonal SKU หรือ Limited SKU เปิดขายบางช่วงเวลาเพื่อลดการเก็บสต็อกตลอดทั้งปี

5. ใช้ระบบจัดการ SKU
     ลงทุนในระบบ Inventory หรือ WMS ที่สามารถช่วยวิเคราะห์ SKU ได้แบบเรียลไทม์ เพื่อให้เห็นภาพรวมและวางแผนล่วงหน้าได้ดีขึ้น


สรุป: SKU เยอะ ไม่ได้แปลว่าดีเสมอไป
การมีสินค้าให้เลือกมากช่วยให้ลูกค้าพึงพอใจ แต่ถ้าไม่มีการบริหารจัดการที่ดี SKU ที่มากเกินไปจะเป็นตัวฉุดธุรกิจให้แบกภาระต้นทุนโดยใช่เหตุ ดังนั้น หมั่นตรวจสอบและปรับ SKU ให้เหมาะสมกับกำลังของธุรกิจอยู่เสมอ แล้วคุณจะสามารถบริหารคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพและมีกำไรได้ในระยะยาว


บทความที่เกี่ยวข้อง
กำจัด 7 ความสูญเปล่า (7 Wastes) ในคลังสินค้า: กุญแจสู่การขนส่งที่เร็วกว่าและต้นทุนที่ต่ำลง
เคยรู้สึกไหมครับว่าคลังสินค้าของคุณทำงานหนักตลอดเวลา แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นไปตามเป้า? พนักงานต้องวิ่งวุ่น, ของหาเจอยาก, และมีต้นทุนแฝงเกิดขึ้นมากมาย ปัญหาเหล่านี้อาจมาจากสิ่งที่ในหลักการแบบลีน (Lean Management) เรียกว่า "7 ความสูญเปล่า" (7 Wastes) ซึ่งไม่ใช่แค่ขยะ แต่หมายถึงกิจกรรมทุกอย่างที่ใช้ทรัพยากรไปโดยไม่เกิดมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า การเข้าใจและกำจัดความสูญเปล่าเหล่านี้ คือกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกประสิทธิภาพสูงสุดของคลังสินค้าและธุรกิจขนส่งของคุณ
ซาล(นักศึกษาฝึกงาน)
22 ก.ค. 2025
E-commerce เติบโต คลังคุณพร้อมหรือยัง?
E-commerce กลายเป็นช่องทางหลักในการจับจ่ายของคนไทยและทั่วโลก ไม่ใช่แค่ร้านค้าออนไลน์ที่ต้องเร่งปรับตัว แต่ “ระบบหลังบ้าน” อย่าง คลังสินค้า ก็ต้องตอบสนองความเปลี่ยนแปลงให้ทัน
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
23 ก.ค. 2025
FIFO คืออะไร? หลักการ "เข้าก่อน-ออกก่อน" ที่ทุกคลังสินค้าต้องรู้
เคยหยิบกล่องนมในตู้เย็นไหมครับ? โดยธรรมชาติแล้ว เรามักจะหยิบกล่องที่อยู่ด้านหน้าสุด ซึ่งเป็นกล่องที่เราซื้อมาก่อน เพื่อบริโภคก่อนที่มันจะหมดอายุ หลักการง่ายๆ ในชีวิตประจำวันนี้ คือหัวใจสำคัญของการบริหารจัดการคลังสินค้าระดับมืออาชีพที่เรียกว่า FIFO หรือ First-In, First-Out FIFO ไม่ใช่แค่ทฤษฎีที่ซับซ้อน แต่เป็นแนวทางปฏิบัติที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการรักษาคุณภาพสินค้า ลดของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการขนส่ง
โก้(นักศึกษาฝึกงาน)
22 ก.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ